ในอุปกรณ์ apple รุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad หรือ Macbook ต่างมีการพัฒนาแบตเตอรี่ และระบบปฏิบัติการให้สามารถใช้งานแบตฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่ต้องใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ต่อเนื่องทั้งวันก็คงจะอยากให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานมากขึ้นกว่าเดิม บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคง่ายๆ สำหรับสาวกชาวแอปเปิ้ลโดยเฉพาะ ถึงวิธีการที่จะช่วยให้เราใช้งานอุปกรณ์แอปเปิ้ลของเราได้นานขึ้นในแต่ละวัน
ซอฟท์แวร์รุ่นใหม่จะมีการอัพเดทพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ในตัวเครื่อง รวมถึงแก้ปัญหาที่อาจจะมีในซอฟท์แวร์รุ่นเก่า เช่นในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งการอัพเดทซอฟท์แวร์นั้นก็มักจะมีการปรับปรุงความสามารถในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ดีขึ้นด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad หรือ Macbook ก็ควรจะต้องทำการอัพเดทซอฟท์แวร์อยู่สม่ำเสมอ
เนื่องจากการใช้งานในสภาพอากาศที่ร้อน หรือกลางแจ้งจะทำให้แบตเตอรี่สูญเสียความสามารถในการเก็บไฟ ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการใช้งานหลังจากการชาร์จแต่ละครั้งลดลง ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงไว้ก่อน
ระบบนี้จะช่วยในการปรับความสว่างหน้อจอให้เหมาะสมกับการใช้งานตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถเห็นภาพหน้าจอได้ชัดเจนมีความสว่างที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังช่วยให้เครื่องมีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
แอปที่เปิดค้างอยู่แม้จะไม่ได้มีการใช้งานก็อาจจะกินแบตเตอรีได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าหากแอปนั้นมีการเปิดใช้งาน Background app refresh หรือ Location services ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ควรปิดแอปที่ไม่ได้ใช้งานแล้วทุกครั้ง ก็จะช่วยลดการใช้แบตเตอรี่ในส่วนที่ไม่จำเป็น
การใช้งาน Wi-Fi จะกินพลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ ดังนั้นเมื่อสามารถที่จะใช้งาน Wi-Fi ได้ ก็ให้เปิด Wi-Fi แล้วเลือกเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เรามั่นใจว่าปลอดภัยเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนการใช้งาน 5G
เนื่องจากหลายแอปที่เราเปิดเอาไว้จะมีการแชร์โลเคชันแม้ไม่ได้มีการใช้งานอยู่ก็ตาม ซึ่งมีส่วนทำให้มือถือของเราต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น ดังนั้นเราควรจะเลือกตั้งค่าให้แอปสามารถแชร์โลเคชันได้เฉพาะเวลาที่ใช้งานอยู่เท่านั้น โดยเข้าไปที่ Settings > Privacy > Location Services
Background App Refresh ช่วยให้แอปสามารถอัปเดตเนื้อหาล่าสุดได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดแสดงอยู่บนหน้าจอก็ตาม ซึ่งในการใช้งานจริงแล้วฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นมากนักในการใช้งานแอปส่วนใหญ่ หากเราคิดว่าแอปอะไรที่ไม่ได้ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้จริงๆ ก็แนะนำให้ปิดการใช้งานในแอปนั้น โดยเข้าไปที่ Settings > General > Background App Refresh
โดยปกติแล้วถ้าเราไม่ได้ต่อ iPhone และ iPad เข้ากับหูฟัง เราก็อาจจะได้ใช้งาน Bluetooth กันไม่บ่อยนัก ดังนั้นการปิดไว้และเลือกเปิดเฉพาะตอนใช้งานก็จะเป็นการใช้ประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
ปกติเวลาที่มี Notification เข้ามา หน้าจอก็จะสว่างขึ้นมาเพื่อเป็นการแจ้งเตือน แต่หากวางหน้าจอคว่ำเอาไว้ Notification ก็ยังเข้ามาได้ตามปกติ แต่หน้าจอจะไม่สว่างขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการใช้งานแบตเตอรี่ได้ด้วย
แอปต่างๆ มักจะมีการส่ง Notifications เข้ามาที่เครื่องของเรา ซึ่งจะทำให้หน้าจอสว่างขึ้นทุกครั้งที่มี Notification เข้ามา ยิ่งมีแอปที่เปิดใช้ Notifications ในเครื่องมากเท่าไร หน้าจอก็จะสว่างขึ้นบ่อยๆ ดังนั้นแนะนำให้เลือกเปิดเฉพาะแอปที่เราจำเป็นต้องรับ Notification เท่านั้น นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่แล้ว ยังช่วยทำให้ไม่เสียสมาธิในการทำงานอีกด้วย
ในส่วนของธีมหน้าจอนั้น ถ้าเลือกแบบ dark mode หรือเลือกธีมหน้าจอในโทนมืด ก็จะช่วยลดก็ใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นอีกเทคนิคที่สามารถทำได้ง่าย และไม่ซับซ้อนอะไร
เมื่อเปิดโหมดพลังงานต่ำ ฟีเจอร์และคุณสมบัติบางอย่าง เช่น การดึงข้อมูลอีเมลใหม่ การดึงข้อมูลใหม่ให้แอปต่างๆ ที่เปิดอยู่ รวมถึงเอฟเฟ็กต์พิเศษบางอย่างจะถูกลดหรือถูกปิดใช้งานชั่วคราวเพื่อเป็นการลดการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้นในกรณีที่แบตเหลือน้อยและไม่สามารถหาที่ชาร์จได้
ในบางช่วงเวลาที่แสงสว่างมากเพียงพอ การปิดแบล็คไลท์ของคีย์บอร์ทก็ช่วยให้เราสามารถใช้ Macbook ของเราได้งานยิ่งขึ้น
ลองตรวจสอบดูว่ามีแอปอะไรบ้างที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อกดเปิดเครื่อง โดยเข้าไปที่ Settings > General > Login Items หากมีแอปอะไรที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ก็ให้ปิดใช้งานได้เลย เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ก็ค่อยเปิดใช้งาน วิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเมมโมรีของเครื่อง ทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้นอีกด้วย
เปิด Activity Monitor > Energy Tab เพื่อดูว่ามีแอปอะไรที่เปิดใช้งานอยู่ และกำลังกินแบตเตอรี่ในปริมาณมาก หากไม่ได้ใช้แอปนั้นแล้วก็ให้ปิดการใช้งานเพื่อลดความสิ้นเปลืองของแบตฯ
Safari เป็นแอปที่แอปเปิ้ลออกแบบมาโดยตรงเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งแอปจะมีการออปติไมซ์ให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Chrome
การชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ผ่าน Macbook มีผลทำให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่าปกติ ดังนั้นหากมีการชาร์จอุปกรณ์อื่นผ่าน Macbook ก็ควรเสียบสายชาร์จ Macbook ไว้ด้วย