วิธีตั้งค่าง่ายๆ ใช้แบตมือถือได้นานขึ้น ทั้ง iOS และ android
วิธีตั้งค่าง่ายๆ ใช้แบตมือถือได้นานขึ้น ทั้ง iOS และ android
 

6 วิธีตั้งค่าง่ายๆ ใช้แบตมือถือได้นานขึ้น ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android

มีใครเจอปัญหานี้บ้าง ก่อนออกจากบ้านก็เช็คแล้วว่าแบตชาร์จเต็ม พอตกบ่ายแบตกลับลดลงไปเยอะมากๆ ไม่ได้พกทั้งสายชาร์จและพาวเวอร์แบงก์ หรือบางครั้งก็อยู่ในที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟ ยิ่งในช่วงเวลาสำคัญ เข่น กำลังรอรับสาย หรือมีนัดต้องโทรคุยงาน นัดประชุมออนไลน์นอกสถานที่ หากแบตเหลือน้อยๆ ก็ทำเอาเครียดเหงื่อตกกันเลยทีเดียว บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคง่ายๆ ช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จบ่อยๆ ในระหว่างวัน


6 วิธีตั้งค่าง่ายๆ ให้มือถือใช้แบตเตอรี่น้อยลง ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android


1. ปรับลดความสว่างของหน้าจอ

เทคนิคที่ง่ายที่สุดอย่างแรกในการช่วยลดความสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ก็คือ การปรับลดความสว่างของหน้าจอลง เพราะหน้าจอยิ่งสว่างมากเท่าไรก็ยิ่งต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการปรับลดความสว่างให้พอเหมาะกับการใช้งาน ไม่สว่างมากจนเกินไป จะช่วยยืดเวลาในการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

 

2. เปิดระบบปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ

นอกจากการปรับลดความสว่างหน้าจอด้วยตัวเองแล้ว การเลือกตั้งค่าให้เป็นแบบปรับอัตโนมัติก็เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ ระบบนี้จะช่วยในการปรับความสว่างให้เหมาะสมกับการใช้งานตามสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้มีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีเปิดระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ iOS : ดูวิธี Automatic Brightness
วิธีเปิดระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ Android : Settings > Display > Adaptive Brightness

 

3. ตั้งค่าหน้าจอให้ปิดเร็วขึ้นเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ปกติเมื่อเรายกมือถือขึ้นมาดู หรือใช้งานอะไรสักอย่าง พอไม่ได้ใช้แล้วหน้าจอก็จะเปิดค้างไว้อีกสักพักก่อนที่จอจะดับลง ซึ่งการตั้งค่าให้หน้าจอล็อคหรือปิดเร็วขึ้นก็จะเป็นการช่วยลดการใช้งานแบตเตอรี่ลงได้เช่นกัน ส่วนจะตั้งเวลาเท่าไรนั้น ก็ลองเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของเรา

 

4. ใช้ธีมหน้าจอมืด

ในส่วนของธีมหน้าจอนั้น ถ้าเลือกแบบ dark mode หรือเลือกธีมหน้าจอในโทนมืด ก็จะช่วยลดก็ใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ส่วนหนึ่ง คล้ายกับการปรับลดความสว่างของหน้าจอลง ซึ่งก็เป็นอีกเทคนิคที่สามารถทำได้ง่าย และไม่ซับซ้อนอะไร

 

5. เปิดการแชร์โลเคชันเป็นแบบ “ขณะใช้งาน”

เนื่องจากหลายแอปที่เราเปิดเอาไว้จะมีการแชร์โลเคชันแม้ไม่ได้มีการใช้งานอยู่ก็ตาม ซึ่งมีส่วนทำให้มือถือของเราต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น ดังนั้นเพื่อเป็นการลดการสิ้นเปลืองพลังงาน เราควรจะเลือกตั้งค่าให้แอปสามารถแชร์โลเคชันได้เฉพาะเวลาที่ใช้งานอยู่เท่านั้น นอกจากนั้นแล้วก็ยังเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นอีกด้วย 

6. เปิดใช้งาน Wifi เมื่อสามารถเชื่อมต่อได้

เนื่องจากการใช้งาน Wifi จะกินพลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ ดังนั้นเมื่อสามารถที่จะใช้งาน Wifi ได้ ก็ให้เปิด Wifi แล้วเลือกเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เรามั่นใจว่าปลอดภัยเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนการใช้งาน 5G

 

ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นใจ แบตเตอรี่ก็เหลือไม่มาก ทำยังไงดี

ในสถานการณ์ที่แบตเตอรี่เหลือไม่มาก และเราก็ไม่สามารถหาปลั๊กที่ชาร์จไฟได้ เทคนิคแนะนำเพื่อที่จะช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่คือ การเปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ หรือโหมดใช้พลังงานต่ำ โดยเมื่อเปิดโหมดพลังงานต่ำ ฟีเจอร์และคุณสมบัติบางอย่าง เช่น การดึงข้อมูลเมลใหม่, การดึงข้อมูลใหม่ให้แอปต่างๆ ที่เปิดอยู่ รวมถึงเอฟเฟ็กต์พิเศษบางอย่างจะถูกลดหรือถูกปิดใช้งานชั่วคราวเพื่อเป็นการลดการใช้พลังงาน ซึ่งโหมดนี้มีทั้งใน  iOS และ Android สำหรับคนที่ใช้ Android จะต้องดูเพิ่มว่ารุ่นของมือถือที่ใช้งานรองรับระบบนี้หรือไม่
วิธีเปิดโหมดพลังงานต่ำบน iOS : ดูวิธี Low Power Mode
วิธีเปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่บน Android : เลือก Setting>Battery>Battery Saver
 

ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ว่ายังดีอยู่ หรือถีงเวลาเปลี่ยนแล้ว

บางครั้งการที่แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไปจนน่าสงสัยก็อาจจะเกิดจากสาเหตุของแบตเตอรี่ที่เสื่อมอายุตามการใช้งานปกติ ซึ่งนั่นหมายความว่าถึงเวลาที่ควรจะต้องเปลี่ยนแบตแล้วจริงๆ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสุขภาพแบตเตอรี่ยังดีอยู่ หรือใกล้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว วิธีง่ายๆ ที่ทำได้ทั้งมือถือ iPhone และ Android คือการเปิดดูข้อมูลสุขภาพแบตเตอรี่ในส่วนของการตั้งค่านั่นเอง
วิธีตรวจสอบความจุและสุขภาพของแบตเตอรี่ใน iPhone
- บน iPhone 15 เป็นต้นไป : เลือกการตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่
- บน iPhone 14 และรุ่นก่อนหน้า: เลือกการตั้งค่า > แบตเตอรี่ > สุขภาพแบตเตอรี่และการชาร์จ
หากมีข้อมูลขึ้นคำว่า "บริการ" อยู่ข้างสุขภาพแบตเตอรี่ นั่นแสดงว่าความสามารถในการเก็บพลังงานของแบตเตอรี่ลดลงแล้ว ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ในการชาร์จแต่ละรอบเหลือน้อยลง และถึงเวลาที่ควรจะพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่
วิธีตรวจสอบความจุและสุขภาพของแบตเตอรี่ใน Android
- เลือกการตั้งค่า > เกี่ยวกับโทรศัพท์ > ข้อมูลแบตเตอรี่ > ความจุแบตเตอรี่
ตวรจสอบข้อมูลว่าตอนนี้มือถือของเรามีความจุแบตเตอรี่เหลืออยู่เท่าไร โดยเทียบกับข้อมูลความจุที่ระบุไว้ตามสเป็คของมือถือที่เราใช้งาน หากความจุของแบตเตอรี่เหลือน้อยลงมากๆ เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ใหม่ตอนที่ซื้อมาใช้งานครั้งแรก  นั่นก็แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้ว

 

ถึงตรงนี้เราก็คงจะมีข้อมูลและเทคนิคง่ายๆ ในการช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่กันแล้ว ส่วนมือถือของใครที่แบตเริ่มเสื่อมและกำลังตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแบตดีหรือไม่ อยากให้ลองพิจารณาเปรียบเทียบเรื่องของค่าใช้จ่ายให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะบางทีการจ่ายเพิ่มอีกสักนิดเพื่อซื้อเครื่องใหม่อาจจะคุ้มค่ากว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็ได้ ใครที่สนใจซื้อมือถือเครื่องใหม่ สามารถเข้ามา เลือกดูมือถือได้ทุกรุ่นและสั่งซื้อออนไลน์ที่ TrueStore รับรองว่ามีส่วนลดโปรโมชันให้แบบจัดเต็มให้แน่นอน