มือถือ Samsung หายไม่ต้องตกใจ Find my mobile ช่วยได้
มือถือ Samsung หายไม่ต้องตกใจ Find my mobile ช่วยได้
 

มือถือ Samsung หายไม่ต้องตกใจ Find my mobile ช่วยได้

มือถือหายไม่ต้องตกใจ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ทำให้การติดตามมือถือถือที่ถูกขโมยหรือหายไป ทำได้ง่ายมากๆ ใครที่ใช้ไอโฟนก็น่าจะคุ้นเคยกับฟีเจอร์ Find My ที่ใช้สำหรับตามหาเครื่องของเรากันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ใช้ Samsung หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า Samsung ก็มีฟีเจอร์ที่ชื่อ Find my mobile ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ติดตามและจัดการมือถือของเราที่หายไปได้เช่นกัน ที่สำคัญคือ ต่อให้มือที่หายไปออฟไลน์อยู่ก็ตาม ระบบก็ยังสามารถติดตามได้อีกด้วย ใครที่ใช้มือถือ Samsung อยู่สบายใจได้เลย การตั้งค่าต่างๆ ก็ไม่ยุ่งยาก แค่ทำตามเพียง 3 ขั้นตอนนี้ มือถืออยู่ที่ไหนก็ตามเจอแน่นอน

3 ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Find my mobile และตามหามือถือของคุณ

ก่อนที่เราจะค้นหามือถือ Samsung ที่หายไปได้นั้น มี 3 ขึ้นตอนที่สำคัญที่เราจะต้องตั้งค่าและทำความรู้จักก่อน ซึ่งหากไม่ได้มีการตั้งค่าให้ถูกต้องแล้ว เราก็จะไม่สามารถติดตามมือถือของเราได้

 

1. ตั้งค่า Find my mobile ที่มือถือ

ขั้นตอนแรกเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก และควรทำตั้งแต่เริ่มใช้งานมือถือเครื่องใหม่ หรือหากใครใช้งานอยู่แต่ยังไม่ได้เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ก็ควรที่จะไปตั้งค่าเปิดการใช้งานให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการตั้งค่าให้มือถือ Samsung ของเรารองรับการค้นหาก็ทำได้ง่ายๆดังนี้
- แตะที่ไอคอนการตั้งค่า
- แตะที่ Samsung Account หรือบัญชีของเราที่มุมขวาบน
- เลื่อนหา Find my mobile แล้วคลิก
- เปิดใช้งาน “อนุญาตให้ค้นเจอโทรศัพท์เครื่องนี้”
เพียงเท่านี้เราก็สามารถค้นหาโทรศัพท์ของเราได้แล้ว

 

2. เปิดใช้งาน Offline Finding

เมื่อทำขั้นตอนที่ 1 เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งรีบปิดการตั้งค่า ให้เราเปิดใช้งาน “Offline Finding” ด้วย ตรงนี้อย่าลืมเด็ดขาด เพราะเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถค้นหามือถือของเราได้แม้ว่าเครื่องจะออฟไลน์อยู่ก็ตาม

 

3. ค้นหาด้วย SmartThings Find

เมื่อทำครบทั้ง 2 ขั้นตอนแล้ว ต่อไปหากมือถือของเราหาย เราก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ SmartThings Find เพื่อทำการค้นหามือถือของเราได้เลย
- เข้าไปที่ https://smartthingsfind.samsung.com ด้วยอุปกรณ์อื่น เช่น แลปท้อป คอมพิวเตอร์
- ทำการ log in เข้าใช้งานด้วย Samsung Account
- ถ้าหากเรามีอุปกรณ์หลายอย่าง ให้เลือกอุปกรณ์ที่เราต้องการค้นหา 
- เลือก “ติดตามตำแหน่ง” ระบบจะเริ่มแสดงตำแหน่งของมือถือของคุณ และจะอัพเดทตำแหน่งทุกๆ 15 นาที

 

นอกจากการติดตามตำแหน่งแล้ว ใน SmartThings Find ยังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่เราควรต้องรู้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับมือถือและข้อมูลของเรา แต่ละฟีเจอร์มีประโยชน์อย่างไรมาทำความรู้จักกัน

 

Ring

ฟีเจอร์นี้มีข้อดีตรงที่เมื่อเรากดแล้ว มือถือของเราจะส่งเสียงเรียกเข้าในความดังระดับสูงสุดเป็นเวลา 1 นาที ถึงแม้ว่าเครื่องจะอยู่ในโหมดเปิดสั่นหรือปิดเสียงไว้ก็ตาม ทำให้เราสามารถติดตามมือถือที่อาจจะเผลอวางไว้ในระยะไม่ไกลได้ง่าย

 

Lock

ฟีเจอร์นี้จะสั่งปิดล็อคเครื่อง ไม่ให้คนที่เก็บไปสามารถเปิดใช้งานได้ ทำให้เราสามารถปกป้องรักษาข้อมูลสำคัญที่อยู่ภายในเครื่องของเราได้

 

Extend battery life

ฟีเจอร์นี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่มือถือของเราให้นานขึ้น ซึ่งช่วยทำให้เรามีเวลามากขึ้นในการตามหามือถือของเราก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด 

 

Backup

เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยในการสำรองข้อมูลไปที่ Samsung Cloud ในกรณีที่เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะติดตามหามือถือพบหรือไม่ การใช้ฟีเจอร์นี้ก็ช่วยให้เรายังเก็บข้อมูลที่สำคัญไว้ที่ Cloud ได้

 

Erase

หากแน่ใจแล้วว่าไม่สามารถตามหาโทรศัพท์ที่หายไปได้แล้ว การลบข้อมูลทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ จะทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้อีกต่อไป แต่ก่อนที่จะลบข้อมูลจะต้องทำการ Backup สำรองข้อมูลไว้ก่อน เพราะเมื่อลบข้อมูลด้วยฟีเจอร์ Erase แล้ว ข้อมูลภายในเครื่องจะไม่สามารถนำกลับมาได้อีกแล้ว

 

ใครที่ใช้มือถือ Samsung อยู่ก็ลองตรวจสอบดูว่าได้เปิดใช้งานฟีเจอร์ Find my mobile หรือยัง ถ้ายังก็ควรที่จะต้องเปิดใช้งานไว้เลย ส่วนใครที่กำลังมีแพลนว่าจะซื้อมือถือ Samsung เครื่องใหม่แทนเครื่องเก่า ก็เข้ามาดูรายละเอียดโปรโมชันมือถือ Samsung สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ TrueStore พร้อมรับโปรส่วนลดมากมาย หรือใครที่ต้องการย้ายค่ายเบอร์เดิม มา True ก็สามารถรับสิทธ์ซื้อมือถือเครื่องใหม่ในราคาพิเศษได้อีกด้วย