เหนื่อยทั้งวันขอพักสักที จะดีกว่าไหมถ้ามีตัวช่วยอัจฉริยะดีๆ เปลี่ยนบ้านให้ดูแลคุณอย่าง Living Tech

True Blog 08 ส.ค. 2565

คุณตื่นไปทำงานตอนกี่โมง แล้วกลับจากที่ทำงานถึงบ้านในตอนกี่โมงกันนะ นี่เป็นคำถามที่อยากลองให้ทุกคนชวนคิดกับตัวเอง ว่าปกติเราใช้เวลาในการทำงานกี่ชั่วโมงในแต่ละวัน

ผลสำรวจจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ในปี 2021 ระบุว่า ‘กรุงเทพฯ’ ติดอันดับ 3 เมืองที่ผู้คนเมืองทำงานหนัก และขาดสมดุลในการใช้ชีวิตมากที่สุดในโลก เพราะส่วนใหญ่แล้วคนวัยทำงานโฟกัสการทำงานเพื่อแลกเงินเดือนเป็นเวลามากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการทำงานที่หนักหน่วงพอสมควร ยังไม่รวมกับเวลาของการเดินทางที่ต้องบวกเพิ่มไปอีก หากถามหาเวลาดูแลสิ่งอื่นรอบตัวคงยาก เพราะเวลาดูแลตัวเองยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

 

หนึ่งในคนทำงานอย่างเช่นกลุ่มวัยกลางคนที่เรียกว่าเป็น ‘Sandwich Generation’ คือต้องแบกภาระหลายด้าน ทั้งการงาน การเงิน ครอบครัว เปรียบเสมือน ‘Sandwich’ ที่ประกอบด้วย 3 ชั้น ขนมปังชั้นแรก คือ ภาระในการรับผิดชอบ ‘พ่อแม่’ ตรงกลางคือ ‘ตัวเอง’ และขนมปังอีกชั้น หมายถึง การดูแล ‘บุตร – คู่สมรส’ แต่ถึงแม้จะมีภาระเยอะขนาดไหน คนกลุ่มนี้ก็ยอมแลกกับการได้มีบ้านของตัวเอง มีผลสำรวจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียที่พบว่า กลุ่มคนวัยกลางคนมีอัตราการซื้อบ้านสูงถึง 25% คนกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับ ‘บ้าน’ เป็นหลัก แต่การจะมีบ้านสักหลังและดูแลบ้านให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ต้องรับผิดชอบภาระหลาย ๆ อย่างพร้อมกันแบบนี้

 

 

 

เมื่อมีภารกิจมากขนาดนี้ ตัวช่วยอะไรที่จะสามารถช่วยคุณดูแลบ้านได้บ้าง

 

ปัจจัยหลักที่เจ้าของบ้านในปัจจุบันให้ความสำคัญ โดยอ้างอิงผลสำรวจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) อันดับแรกคือ การมีระบบเตือนภัยอัจฉริยะภายในบ้าน และรองลงมาคือ การมีระบบช่วยควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า และจัดการพลังงานภายในบ้าน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และลดค่าใช้จ่าย 

 

 

ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่มองหาความปลอดภัยและความคุ้มค่าเป็นหลัก เพราะมีภาระที่ต้องดูแลมากมาย จนอาจกังวลว่าตัวเองจะหลุดโฟกัสจากเรื่องสำคัญภายในบ้านไปได้นั่นเอง ยุคนี้จึงมีการสร้างสรรค์อุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่สามารถช่วยดูแลบ้านให้คนทำงานที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานได้ 

 

 

อุปกรณ์อัจฉริยะที่หลายบ้านได้นำมาใช้เป็นตัวช่วยดูแลบ้านมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ  ระบบล็อกประตูแบบดิจิทัล และหลอดไฟอัจฉริยะ ซึ่งราคาของอุปกรณ์อัจฉริยะในช่วงแรกที่เริ่มวางขายยังค่อนข้างสูง อีกทั้งคนส่วนใหญ่มีความกังวลเพราะยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้นัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาต่อเนื่อง ผู้คนเริ่มเข้าใจและคุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงอุปกรณ์มีราคาถูกลง พร้อมตัวเลือกที่หลากหลาย ทุกคนจึงเริ่มเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ง่ายและนิยมใช้กันมากยิ่งขึ้น แต่อุปกรณ์แต่ละชิ้นต้องใช้การสั่งงานและควบคุมที่แตกต่างกันออกไปตามแบรนด์นั้น ๆ  ไม่มีระบบศูนย์กลางที่สามารถควบคุมจากจุดเดียวได้ จึงอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบสักเท่าไร

 

 

 

 

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย หรือ Living Tech ช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างครบวงจร โดย True ได้พัฒนานวัตกรรมโซลูชัน Smart LivingTECH ที่จะเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้เป็นบ้านอัจฉริยะ สามารถควบคุมและสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT Smart Home ต่าง ๆ ภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชัน True LivingTECH แอปเดียวครบจบ ทั้งสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน คุณสามารถตรวจสอบอุปกรณ์อัจฉริยะทุกอย่างผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่คุณใช้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำได้ 

 

 

มาเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้เป็นบ้านในฝันที่ดูแลคุณได้ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะกัน

 

 

ตอนนี้อยากชวนให้ลองจินตนาการในช่วงเวลาเย็นๆ ที่คุณกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเลิกงาน และเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน เมื่อกลับถึงบ้าน เพียงเปิดประตู หลอดไฟในบ้านจะถูกเปิดให้ความสว่างไสวทันที และเมื่อก้าวเข้าห้องนั่งเล่นก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม ๆ มีโทรทัศน์เปิดไว้รอให้คุณดูหนังเรื่องโปรด พร้อมพัดลมหรือแอร์ที่กำลังเริ่มทำงาน มอบความเย็นให้คุณแบบที่ไม่ต้องลุกไปเปิดเอง เพราะ Smart Door Lock ประตูบ้านสุดไฮเทค สามารถตั้งค่าเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน เมื่อคุณกลับมาถึงแล้วกดรหัสที่ประตู เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณตั้งค่าไว้ ก็จะถูกเปิดเพื่อมอบความสบายต้อนรับคุณได้ทันที

 

 

หากต้องเดินทางไกลและทิ้งบ้านไปหลายวัน คุณสามารถตรวจสอบและสอดส่องดูแลบ้านของคุณได้อย่างสบายใจผ่าน Smart CCTV Camera 1080P กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม คุณสามารถดูแลบ้านให้ปลอดภัยได้เสมอ ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ เมื่อมีใครที่พยายามบุกรุกบ้านของคุณ  ก็จะมีการแจ้งเตือนไปยังแอปที่คุณใช้งานทันที

 

 

 

สำหรับใครที่มีลูกน้อย และอยากจะทำงานบ้านอยู่อีกห้อง แต่ยังเป็นห่วงต้องคอยสอดส่องดูแลลูกไปพร้อมกัน สามารถใช้ Smart Baby Camera กล้องวงจรปิดอัจฉริยะสำหรับเด็ก คอยเฝ้าดูแลลูกน้อยของคุณ หรือจะส่งเสียงเพลงกล่อมลูกก็สามารถทำได้ พร้อมทั้งยังมีการตรวจจับและตั้งอุณหภูมิและความชื้นภายในห้องของลูกให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

 

ส่วนบ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยง เป็นทาสน้องหมา น้องแมว กลัวน้องจะหิวเมื่อออกไปทำงานนอกบ้านหรือเดินทางไปต่างจังหวัด คุณก็สามารถใช้ AUTOBOT Pet Feeder Food เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ ดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักเหมือนกับคุณอยู่ใกล้ ๆ ได้ ด้วยการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ที่ช่วยให้คุณเห็นสัตว์เลี้ยง และสามารถส่งเสียงเรียกและพูดคุยได้ เพียงเท่านี้สัตว์เลี้ยงของคุณก็คงจะไม่เหงาเวลาที่รอคอยคุณกลับบ้าน

 

 

สำหรับใครที่มักจะหลงลืม เมื่อเดินทางออกจากบ้านแล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้น คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเลือกใช้ Smart Plug ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ที่จะช่วยเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาภายในบ้านคุณให้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพียงแค่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์ Smart Plug แล้วเชื่อมต่ออุปกรณ์ไว้ในแอป คุณก็สามารถสั่งการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปได้เสมอ แม้ว่าคุณจะออกจากบ้านไปแล้ว 

 

 

นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้ว ยังมีอุปกรณ์อัจฉริยะอีกหลายชิ้นที่จะช่วยให้คุณดูแลบ้านได้อย่างไม่ต้องกังวล ที่สำคัญคือ คุณรู้หรือไม่ว่าการนำอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้เข้ามาช่วยดูแลบ้านนั้น สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 30-40 % ซึ่งจากผลวิจัยของสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป พบว่าในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ภายในบ้าน สามารถประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นมีการเชื่อมต่อกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่ช่วยจดจำและประเมินการใช้งานของอุปกรณ์เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นจะสามารถทำได้ดีมากขึ้นผ่านการใช้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ หรือ 5G เข้ามาช่วย

 


อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และ 5G ช่วยเชื่อมต่อและสั่งงานทุกอุปกรณ์ในบ้านได้แบบ Seamless 

 

การเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การใช้งานของอุปกรณ์อัจฉริยะนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะช่วยในการสั่งการและแจ้งเตือนการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์อัจฉริยะได้ ในยุคที่ 5G เข้ามามีบทบาทยิ่งทำให้ทุกการเชื่อมต่อดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แต่รวมไปถึงความหน่วงต่ำ (Low Latency) ซึ่งเอื้อให้ทุกอย่างตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ พร้อมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้านของคุณที่เชื่อมต่อกับเน็ตบ้าน และตัวคุณที่อยู่นอกบ้าน ซึ่งเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ผ่านสมาร์ทโฟนทำให้ทุกอย่างเป็น Seamless 

 

 

เพียงแค่มีเน็ตบ้านและอุปกรณ์ IoT Smart Home คุณก็สามารถเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้แล้ว ยิ่งตอนนี้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ สามารถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น True เข้าใจไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้ครบครัน จึงจัดแพ็กเกจเน็ตบ้านไฟเบอร์พร้อมอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น กล้อง CCTV และบริการเสริมต่าง ๆ เปลี่ยนบ้านคุณให้เป็นบ้านอัจฉริยะ ช่วยให้การเชื่อมต่อของคุณลื่นไหลได้กว่าที่เคย

 

 

 

 

ตอบโจทย์เทรนด์บ้านอัจฉริยะแห่งอนาคตด้วย Smart LivingTECH จาก True 

 

 

เทรนด์บ้านอัจฉริยะในอนาคตที่เน้นทั้งในเรื่องความปลอดภัย ความบันเทิง ความสะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม สามารถเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมด เพียงคุณมองหาตัวช่วยดี ๆ อย่างเทคโนโลยี Smart LivingTECH ของ True ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้านครบครัน อีกทั้งยังมีเน็ตบ้านทรูออนไลน์ที่เสถียรและเร็วแรง ช่วยเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ให้สามารถควบคุมได้อย่างราบรื่น เปลี่ยนให้บ้านดูแลคุณ และเปลี่ยนให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น