ทรู 5G ร่วมรพ. ศิริราช สานพลังขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ 5G แห่งชาติ ร่วมพัฒนาต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G “Siriraj World Class 5G Smart Hospital”

News : 18 ธ.ค. 2021

กรุงเทพฯ 18 ธันวาคม 2564 –  กลุ่มทรูร่วมสานพลังขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ 5G แห่งชาติ ร่วมมือกับรพ.ศิริราช นำความอัจฉริยะของเทคโนโลยีทรู 5G ที่มีจุดเด่นทั้งความเร็วในการรับส่งข้อมูล ความแม่นยำ และความหน่วงในการทำงานต่ำ (Low latency) ร่วมพัฒนาระบบการให้บริการด้านการแพทย์และการรักษาพยาบาล ในโครงการ “ศิริราชต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G”  ซึ่งสำนักงาน กสทช. มอบหมายให้โรงพยาบาลศิริราชเป็นผู้ดำเนินโครงการนำร่องโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) และเป็นต้นแบบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี5G และ Critical Technology เพื่อพัฒนาบริการสาธารณสุขในรูปแบบใหม่ ขณะที่กลุ่มทรูได้รับการคัดเลือกจากโรงพยาบาลศิริราชให้เป็นผู้ที่นำ MEC (Multi- Access Edge Computing) แพลตฟอร์มที่เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี 5G มาร่วมพัฒนาโซลูชั่น และUse Case 5G  ให้เกิดการใช้งานได้จริงครั้งแรกในวงการสาธารณสุขไทย และเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งยังได้ใช้เครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ร่วมพัฒนา “ยานยนต์อัจฉริยะไร้คนขับ (5G Unmanned Vehicle) “  ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยระบบ AI และทำงานเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลบน Cloud ด้วยสัญญาณทรู 5G ซึ่งเป็นต้นแบบในการบริหารการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์แบบบูรณาการ ที่มั่นใจได้เรื่องความปลอดภัยสูงสุด สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวาง และสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ  อีกทั้งยังประยุกต์ใช้ทรู5Gใน “ระบบการแพทย์ฉุกเฉินอัจฉริยะ (5G Smart Ambulance)” โดยมีการติดตั้งระบบการแพทย์ทางไกล Telemedicine เชื่อมสัญญาณ5G เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในรถฉุกเฉินของ ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินศิริราช (SiEMS) ใช้กล้องที่ติดตัวอยู่ส่งข้อมูลที่ชัดและแม่นยำแบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์เห็นผู้ป่วยเสมือนไปอยู่จุดเกิดเหตุเอง ส่งผลให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งนับเป็นต้นแบบของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี5G เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของโรงพยาบาล อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้บริการ ตามนโยบายของโรงพยาบาลศิริราชที่จะก้าวเป็น “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” หรือ “Smart Hospital”

สำหรับโซลูชันที่ทรู 5G ร่วมพัฒนาในโครงการ “ศิริราชต้นแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะระดับโลกด้วยเทคโนโลยีเครือข่าย 5G” (Siriraj World Class 5G Smart Hospital) ได้แก่

  • ระบบ MEC (Multi-Access Edge Computing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ 5G
    ทรู 5G ได้รับเลือกจาก รพ. ศิริราช ให้เป็นผู้ที่นำ MEC มาร่วมยกระดับการพัฒนา Use Case ของ
    รพ.ศิริราช เพื่อใช้งานจริงในวงการสาธารณสุขไทย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  
    โดยความสำคัญของ MEC (Multi- Access Edge Computing)  ที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำโซลูชัน และ Use Case 5G ในอนาคต คือการเอา Cloud Distribute ไปเป็น Edge Cloud ย่อยๆ ที่จะอยู่ใกล้ปลายทาง หรือการวางระบบคลาวด์ MEC ให้อยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากที่สุด เพื่อให้เกิดการเข้าถึงที่รวดเร็ว และมีความหน่วงในการทำงานต่ำ (Low latency) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบและข้อมูลที่เก็บ
    อยู่ที่ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงพยาบาลศิริราช (local environment) ได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการส่งข้อมูลกลับสู่เครือข่ายเน็ตเวิร์คหลัก หรือ operator core network จึงมีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน เนื่องจากข้อมูลจะมีการรับ-ส่งอยู่ภายในระบบของโรงพยาบาล โดยตอบโจทย์เรื่องการใช้งานกับ IoT และการ
    ทำ AI  รวมทั้งให้ความมั่นใจยิ่งขึ้นในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล


  • ยานยนต์อัจฉริยะไร้คนขับ (5G Unmanned Vehicle)
    จากเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยระบบ AI และทำงานจากการเชื่อมโยงกับ
    ระบบฐานข้อมูลบน Cloud ด้วยสัญญาณ 5G ทางโรงพยาบาลศิริราชได้นำมาประยุกต์ใช้ขนส่งยาและเวชภัณฑ์ตามอาคารต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาลฯ เพื่อเป็นต้นแบบในการบริหารการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์แบบบูรณาการ รองรับการสืบหาข้อมูลและสถานะการจัดส่ง โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาการทำงาน
    ไร้มลพิษจากระบบพลังงานไฟฟ้า มีความปลอดภัยสูงสุดจากการทำงานร่วมกันของ Radar และ Lidar
    ที่สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางและสภาพแวดล้อม รวมถึงการเรียนรู้ของ AI เพื่อการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมในสภาพแวดล้อมที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและยานพาหนะภายในโรงพยาบาล ภายใต้การควบคุมของ Command Center อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงยานยนต์เพื่อบังคับด้วยระบบ Manual ผ่านสัญญาณ 5G เมื่อมีเหตุจำเป็นได้อีกด้วย
  • ระบบการแพทย์ฉุกเฉินอัจฉริยะ (5G Smart Ambulance)
    การติดตั้งระบบสำหรับเจ้าหน้าที่ในรถฉุกเฉินของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินศิริราช (SiEMS) เพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ประกอบด้วย
    1) Smart telemedicine with 5G เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกลที่มีกล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ตั้งแต่จุดเกิดเหตุและรถพยาบาล ที่สามารถเชื่อมต่อผู้ออกเหตุ และแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาด้วยสัญญาณที่ทรงพลังของ 5G ที่ทำให้แพทย์เห็นผู้ป่วยเสมือนไปอยู่จุดเกิดเหตุเอง ส่งผลให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้ทันเวลา
    2) Smart EMS information system ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยฉุกเฉินที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สัญญาณชีพ ที่สะดวกต่อการใช้เหมาะกับงานที่เร่งรีบ และลดภาระงานด้านเอกสาร เพิ่มเวลาในการดูแลผู้ป่วย อีกทั้งมีระบบนำทางไปหาผู้ป่วยโดยที่ประชาชนไม่ต้องมีแอปพลิเคชั่นใดเพิ่มเติม
    3) การนำเทคโนโลยี 5G มาใช้งานสำหรับระบบดังกล่าว จะช่วยให้ SiEMS สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามพันธกิจ
    “เพื่อให้ชุมชนและผู้ให้บริการสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินในโรงพยาบาลอย่างดีเยี่ยมด้วยการวิจัย การศึกษา และการบูรณาการเทคโนโลยี”

RELATED ARTICLES

เตรียมมันส์ขั้นสุดกับ “True 5G Cloud Gaming” เร็วกว่า แรงกว่า สะใจเกมเมอร์
สะเทือนวงการเกม สร้างปรากฏการณ์ใหม่สะใจเกมเมอร์ไทย...ทรู 5G ย้ำภาพผู้นำเครือข่ายอัจฉริยะ ผนึกพันธมิตรผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ระดับโลก Bifrost Cloud จากประเทศจีน เปิดตัว “True 5G Cloud Gaming” มิติใหม่ของการเล่นเกมพีซี และคอนโซล บนสมาร์ทโฟน ผ่านการสตรีมมิ่งจากเทคโนโลยีคลาวด์ เร็วกว่า สนุกกว่า มันส์กว่า และเหนือชั้นกว่า ด้วยทัพเกมดังระดับ AAA กว่า 300 เกม อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 ที่เปิดให้คอเกมเล่นเป็นครั้งแรก ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G บนแอปพลิเคชัน Netboom ลับมือให้พร้อม 7 มิถุนายนนี้ เจอกัน มันส์ชัวร์ !!! นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ด้วยศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะวงการเกม ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในเทรนด์ทั่วโลก ผนวกกับนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่ช่วยต่อยอดให้พัฒนาไปสู่รูปแบบ คลาวด์เกมมิ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่เกมเมอร์ ล่าสุด ทรู 5G มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ Bifrost Cloud ผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ให้ความไว้วางใจ ร่วมเป็นพันธมิตรกับทรู ด้วยเล็งเห็นและเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ทั้งในเรื่องสัญญาณที่มีความครอบคลุม กว่า 77 จังหวัด ครบทุกย่านความถี่ เร็วกว่า แรงกว่า จึงได้ร่วมเปิดบริการ “True 5G Cloud Gaming” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เอาใจเหล่าเกมเมอร์ ให้เล่นเกมพีซีและเกมคอนโซลบนสมาร์ทโฟน จากเทคโนโลยีคลาวด์ ผ่านแอปพลิเคชัน Netboom ซึ่งนำ 300 เกมดังระดับ AAA อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 มาเติมเต็มความสนุกสุดมัน เล่นได้ลื่นไหล่ไม่มีสะดุดผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ให้คอเกม เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องดาวน์โหลดเกมลงเครื่อง ลดปัญหาการสิ้นเปลืองดาต้า และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอีกด้วย” มร.นิ ไฮเช้ง Founder & CEO of Bifrost Cloud Pte.Ltd. กล่าวว่า "Bifrost Cloud ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มทรู ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการเปิดให้บริการคลาวด์เกมแก่ผู้เล่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จแอปพลิเคชัน Netboom ที่ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการในเมืองไทยมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า "คลาวด์เกม" จะมาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกม โดยช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการ สามารถเล่นเกมที่มีคุณภาพสูงได้ผ่านระบบคลาวด์ เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเล่นคลาวด์เกมให้ไหลลื่น ไม่สะดุด ต้องอาศัยความเร็วและแรงของอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดอาการหน่วงในขณะเล่นเกม ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างประสบการณ์การเล่นคลาวด์เกมที่น่าประทับใจ โดยเชื่อมั่นว่า ทรู 5G จะมาช่วยเติมเต็มการใช้งานแอป Netboom ของ Bifrost Could ทำให้คอเกมชาวไทย ได้เล่นเกมอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน เต็มประสิทธิภาพทัดเทียมเกมเมอร์ทั่วโลกได้อย่างแน่นอน" ทั้งนี้ ทรู 5G ได้จัดเตรียมแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้า True 5G เร็วๆ นี้ และเตรียมสนุกพร้อมกัน โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Netboom ได้ที่ App Store และ Play Store ตั้งแต่ 7 มิถุนายน 2564 และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://truemoveh.truecorp.co.th/