เปิดตัวสถานีอัจฉริยะ 5G (5G Smart Station) สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ต้นแบบสถานีอัจฉริยะแห่งแรกในไทยและอาเซียน

News : 21 ต.ค. 2022

เปิดตัวสถานีอัจฉริยะ 5G (5G Smart Station) สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ต้นแบบสถานีอัจฉริยะแห่งแรกในไทยและอาเซียน ดึงเทคโนโลยี 5G ยกระดับการให้บริการประชาชน


กรุงเทพฯ  21 ตุลาคม 2565 - คณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย  ได้ร่วมกันเปิดตัวต้นแบบสถานีอัจฉริยะ 5G (5G Smart Station) แห่งแรกในไทยและอาเซียน ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ยกระดับบริการล้ำสมัยเพื่อให้บริการประชาชน ซึ่งได้รับการผลักดันจากคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเป็นตัวอย่างนำร่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยและประเทศไทย โดยมี  พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดตัวโครงการฯ

 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานีอัจฉริยะ 5G ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง เพราะไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ แต่ยังเป็นสถานีอัจฉริยะ 5G แห่งแรกของอาเซียนที่ทันสมัยและประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยบริการภาครัฐนี้เป็นผลจากความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการและความปลอดภัยในสถานีด้วยเทคโนโลยี 5G ที่สำคัญพื้นที่นี้ประชาชนทุกคนและทุกกลุ่มจะสามารถเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยี 5G ได้โดยตรง อย่างสะดวก ง่าย ทั่วถึงและเท่าเทียมอย่างแท้จริง


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม มุ่งพัฒนาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมเทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก และเป็นแกนกลางการเดินทางสู่มหานครครอบคลุมทุกบริการ “ระบบราง” เชื่อมต่อทุกรูปแบบการเดินทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เน้นการให้บริการประชาชนในการเดินทางไปยังทุกจุดหมายด้วยความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมกันนี้ ยังเล็งเห็นศักยภาพของเทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยยกระดับการบริการประชาชน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในการพัฒนาสถานีอัจฉริยะ 5G ขึ้น ให้มีบริการหุ่นยนต์ต้อนรับ รถเข็นอัจฉริยะและระบบรักษาความปลอดภัยด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งต้องขอขอบคุณ คณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้สนับสนุนงบประมาณให้ดำเนินโครงการนี้ 


ด้านนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีพันธกิจในการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึง สดช. มีแผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G โดยการนำร่อง 5G Smart Station ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถือเป็นโครงการสำคัญโครงการหนึ่งในแผนปฏิบัติการดังกล่าว อีกทั้ง สดช. เล็งเห็นถึงศักยภาพของศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศไทยอย่าง “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ที่จะเป็นสถานีที่มีผู้คนสัญจรรายวันจำนวนมาก เราจึงได้ผนึกกำลังกับการรถไฟฯ ซึ่งต้องขอขอบคุณการรถไฟฯ ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตั้งแต่เริ่มต้นในการคิดรูปแบบบริการที่จะให้บริการแก่ประชาชน จนถึงพัฒนาบริการเหล่านั้นให้สามารถให้บริการประชาชนได้จริง ที่สำคัญสถานีอัจฉริยะ 5G ยังจะเป็นพื้นที่สำคัญในการเป็นแหล่งเรียนรู้ ซึ่งหากมีภาคส่วนใดที่สนใจ สามารถทดลองใช้งานและนำไปสู่การต่อยอดการใช้ประโยชน์ด้วยเทคโนโลยีอื่น ๆ บนโครงข่าย 5G ให้เหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินงานของตน หรือนำไปสู่การทำซ้ำได้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย


นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูขอขอบคุณการรถไฟฯ ที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G และให้กลุ่มทรูเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ 5G Smart Station ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่มีความสำคัญระดับประเทศ ซึ่งเครือข่ายทรู 5G และเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัย จะช่วยยกระดับการบริการและความปลอดภัยอัจฉริยะ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยได้ใช้บริการ 5G อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงอีกด้วย

RELATED ARTICLES

เตรียมมันส์ขั้นสุดกับ “True 5G Cloud Gaming” เร็วกว่า แรงกว่า สะใจเกมเมอร์
สะเทือนวงการเกม สร้างปรากฏการณ์ใหม่สะใจเกมเมอร์ไทย...ทรู 5G ย้ำภาพผู้นำเครือข่ายอัจฉริยะ ผนึกพันธมิตรผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ระดับโลก Bifrost Cloud จากประเทศจีน เปิดตัว “True 5G Cloud Gaming” มิติใหม่ของการเล่นเกมพีซี และคอนโซล บนสมาร์ทโฟน ผ่านการสตรีมมิ่งจากเทคโนโลยีคลาวด์ เร็วกว่า สนุกกว่า มันส์กว่า และเหนือชั้นกว่า ด้วยทัพเกมดังระดับ AAA กว่า 300 เกม อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 ที่เปิดให้คอเกมเล่นเป็นครั้งแรก ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G บนแอปพลิเคชัน Netboom ลับมือให้พร้อม 7 มิถุนายนนี้ เจอกัน มันส์ชัวร์ !!! นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ด้วยศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะวงการเกม ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในเทรนด์ทั่วโลก ผนวกกับนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่ช่วยต่อยอดให้พัฒนาไปสู่รูปแบบ คลาวด์เกมมิ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่เกมเมอร์ ล่าสุด ทรู 5G มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ Bifrost Cloud ผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ให้ความไว้วางใจ ร่วมเป็นพันธมิตรกับทรู ด้วยเล็งเห็นและเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ทั้งในเรื่องสัญญาณที่มีความครอบคลุม กว่า 77 จังหวัด ครบทุกย่านความถี่ เร็วกว่า แรงกว่า จึงได้ร่วมเปิดบริการ “True 5G Cloud Gaming” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เอาใจเหล่าเกมเมอร์ ให้เล่นเกมพีซีและเกมคอนโซลบนสมาร์ทโฟน จากเทคโนโลยีคลาวด์ ผ่านแอปพลิเคชัน Netboom ซึ่งนำ 300 เกมดังระดับ AAA อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 มาเติมเต็มความสนุกสุดมัน เล่นได้ลื่นไหล่ไม่มีสะดุดผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ให้คอเกม เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องดาวน์โหลดเกมลงเครื่อง ลดปัญหาการสิ้นเปลืองดาต้า และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอีกด้วย” มร.นิ ไฮเช้ง Founder & CEO of Bifrost Cloud Pte.Ltd. กล่าวว่า "Bifrost Cloud ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มทรู ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการเปิดให้บริการคลาวด์เกมแก่ผู้เล่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จแอปพลิเคชัน Netboom ที่ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการในเมืองไทยมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า "คลาวด์เกม" จะมาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกม โดยช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการ สามารถเล่นเกมที่มีคุณภาพสูงได้ผ่านระบบคลาวด์ เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเล่นคลาวด์เกมให้ไหลลื่น ไม่สะดุด ต้องอาศัยความเร็วและแรงของอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดอาการหน่วงในขณะเล่นเกม ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างประสบการณ์การเล่นคลาวด์เกมที่น่าประทับใจ โดยเชื่อมั่นว่า ทรู 5G จะมาช่วยเติมเต็มการใช้งานแอป Netboom ของ Bifrost Could ทำให้คอเกมชาวไทย ได้เล่นเกมอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน เต็มประสิทธิภาพทัดเทียมเกมเมอร์ทั่วโลกได้อย่างแน่นอน" ทั้งนี้ ทรู 5G ได้จัดเตรียมแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้า True 5G เร็วๆ นี้ และเตรียมสนุกพร้อมกัน โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Netboom ได้ที่ App Store และ Play Store ตั้งแต่ 7 มิถุนายน 2564 และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://truemoveh.truecorp.co.th/