ครั้งแรกในไทยกับความเร็วระดับ 10Gbps …. ทรู 5G โชว์ล้ำสุดอีกขั้นกับ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 10.38 Gbps และอัปโหลดสูงสุด 2.31 Gbps

News : 10 พ.ย. 2022

ครั้งแรกในไทยกับความเร็วระดับ 10Gbps …. ทรู 5G โชว์ล้ำสุดอีกขั้นกับ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 10.38 Gbps และอัปโหลดสูงสุด 2.31 Gbps ด้วยเทคโนโลยี NR-CA รวมคลื่น 2600MHz และคลื่น 26GHz พร้อมปลดล็อกศักยภาพสูงสุดสู่ภาคธุรกิจ สร้างประโยชน์สู่ประชาชนชาวไทย


กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2565 ทรู 5G เครือข่ายอัจฉริยะ เร็ว แรง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วไทย ตอกย้ำภาพผู้นำด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี 5G มิลลิเมตร (Millimeter Wave) หรือ mmWave เพื่อยกระดับประสบการณ์ด้านเครือข่ายที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าองค์กร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ด้วยเทคโนโลยีการรวมคลื่นในรูปแบบ CA (Carrier Aggregation) ระหว่างคลื่น 2600MHz และ 26GHz ซึ่งได้ทดสอบเป็นครั้งแรกบนเครือข่ายจริงที่ปราจีนบุรี ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูล สูงสุดถึง 10.38 Gbps และความเร็วในการอัปโหลดข้อมูลสูงสุดที่ 2.31 Gbps ถือว่าเป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยทดสอบมาในประเทศไทย ทั้งนี้ คลื่น 26GHz หรือ mmWave เป็นคลื่นที่มีศักยภาพเนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นคือ มีแบนด์วิธที่กว้างมาก ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพให้กับภาคธุรกิจ และสร้างประโยชน์สำหรับภาคประชาชน ให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น รวมทั้งสามารถให้บริการในรูปแบบ Fixed Wireless Access หรือ  FWA ทดแทนสายไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตบ้าน หรือนำไปใช้งานเป็น Hotspot ในพื้นที่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตหนาแน่น ซึ่งมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ หรือการใช้งานสำหรับ Industrial IoT ในรูปแบบ Private Network ที่จะเป็นเครือข่ายในอนาคตสำหรับภาคอุตสาหกรรม

 

นายคนึงเดช   ไตรรัตนอุปถัมภ์   ผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการโครงข่าย บมจ ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรูพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครือข่ายมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่ล่าสุดได้มีการพัฒนาการรวมคลื่นเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูล โดยปัจจุบันเทคโนโลยีที่ใช้มี 2 รูปแบบ คือ เทคโนโลยี DC (Dual Connectivity) และเทคโนโลยี CA (Carrier Aggregation) ซึ่งเทคโนโลยี CA นั้นให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า DC เนื่องจากเป็นการทำงานที่ protocol ระดับลึกกว่า (คือที่ RLC layer) ทำให้สามารถปรับอัตราการแชร์ข้อมูลระหว่างคลื่น 2 คลื่นได้ดียิ่งกว่า ตามการเปลี่ยนแปลงค่าความแรงของสัญญาณ และยังเลือกเส้นทางการส่งข้อมูลที่ดีกว่าได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มระยะทางการส่งข้อมูลบนคลื่น 26GHz ได้มากกว่า 2 เท่า ด้วยการใช้ control channel ร่วมกับคลื่น 2600MHz ทำให้การใช้งานคลื่นมิลลิเมตร (Millimeter Wave) หรือ mmWave มีประสิทธิภาพการส่งข้อมูลได้สูงสุด มีความหน่วงต่ำ และคาดว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานอย่างแพร่หลายในอนาคต โดยทรูได้ใช้เทคโนโลยี CA รวมคลื่นระหว่างคลื่น 2600MHz และ 26GHz และเป็นที่น่าพอใจอย่างมากที่ภายหลังจากทำการทดสอบเป็นครั้งแรกบนเครือข่ายจริงที่ปราจีนบุรี ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลสูงสุดที่ 10.38 Gbps และความเร็วในการอัปโหลดข้อมูลสูงสุดที่ 2.31 Gbps ถือว่าเป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยมีการทดสอบมาในประเทศไทย”


นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G  บมจ ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายทรู 5G ที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าองค์กร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน กลุ่มทรูในฐานะผู้นำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเป็นรายแรกรายเดียวที่มีคลื่นครบสุดทุกย่านความถี่  โดยมีความถี่ทั้ง 3 ย่าน คือ คลื่น 700MHz ในย่าน Low Band คลื่น 2600MHz ในย่าน Mid Band และคลื่น 26GHz ในย่าน High Band ปัจจุบันมีเพียงคลื่น 700MHz และ 2600MHz ที่เปิดให้บริการแล้ว ส่วนคลื่น 26GHz หรือmmWave จะเป็นเทคโนโลยีที่มีความพร้อมในการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลกเร็วๆ นี้ เพราะถือเป็นคลื่นที่มีศักยภาพเนื่องจากมีคุณสมบัติเด่น คือ มีแบนด์วิธที่กว้างมาก ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมากในระดับ 10Gbps ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพให้กับภาคธุรกิจ และสร้างประโยชน์สำหรับภาคประชาชน ให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่หลากหลายขึ้น รวมทั้งสามารถให้บริการในรูปแบบ Fixed Wireless Access หรือ  FWA ทดแทนสายไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตบ้าน หรือนำไปใช้งานเป็น Hotspot ในพื้นที่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตหนาแน่น ซึ่งมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ หรือการใช้งานสำหรับ Industrial IoT ในรูปแบบ Private Network ที่จะเป็นเครือข่ายในอนาคตสำหรับภาคอุตสาหกรรม”

RELATED ARTICLES

เตรียมมันส์ขั้นสุดกับ “True 5G Cloud Gaming” เร็วกว่า แรงกว่า สะใจเกมเมอร์
สะเทือนวงการเกม สร้างปรากฏการณ์ใหม่สะใจเกมเมอร์ไทย...ทรู 5G ย้ำภาพผู้นำเครือข่ายอัจฉริยะ ผนึกพันธมิตรผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ระดับโลก Bifrost Cloud จากประเทศจีน เปิดตัว “True 5G Cloud Gaming” มิติใหม่ของการเล่นเกมพีซี และคอนโซล บนสมาร์ทโฟน ผ่านการสตรีมมิ่งจากเทคโนโลยีคลาวด์ เร็วกว่า สนุกกว่า มันส์กว่า และเหนือชั้นกว่า ด้วยทัพเกมดังระดับ AAA กว่า 300 เกม อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 ที่เปิดให้คอเกมเล่นเป็นครั้งแรก ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G บนแอปพลิเคชัน Netboom ลับมือให้พร้อม 7 มิถุนายนนี้ เจอกัน มันส์ชัวร์ !!! นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ด้วยศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะวงการเกม ที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในเทรนด์ทั่วโลก ผนวกกับนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่ช่วยต่อยอดให้พัฒนาไปสู่รูปแบบ คลาวด์เกมมิ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่เกมเมอร์ ล่าสุด ทรู 5G มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ Bifrost Cloud ผู้ให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ให้ความไว้วางใจ ร่วมเป็นพันธมิตรกับทรู ด้วยเล็งเห็นและเชื่อมั่นในศักยภาพของเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ทั้งในเรื่องสัญญาณที่มีความครอบคลุม กว่า 77 จังหวัด ครบทุกย่านความถี่ เร็วกว่า แรงกว่า จึงได้ร่วมเปิดบริการ “True 5G Cloud Gaming” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เอาใจเหล่าเกมเมอร์ ให้เล่นเกมพีซีและเกมคอนโซลบนสมาร์ทโฟน จากเทคโนโลยีคลาวด์ ผ่านแอปพลิเคชัน Netboom ซึ่งนำ 300 เกมดังระดับ AAA อาทิ Overwatch, FallGuy, PUBG, League of Legend และ Tekken 7 มาเติมเต็มความสนุกสุดมัน เล่นได้ลื่นไหล่ไม่มีสะดุดผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ให้คอเกม เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องดาวน์โหลดเกมลงเครื่อง ลดปัญหาการสิ้นเปลืองดาต้า และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอีกด้วย” มร.นิ ไฮเช้ง Founder & CEO of Bifrost Cloud Pte.Ltd. กล่าวว่า "Bifrost Cloud ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มทรู ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการเปิดให้บริการคลาวด์เกมแก่ผู้เล่นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จแอปพลิเคชัน Netboom ที่ขณะนี้ มีผู้ใช้บริการในเมืองไทยมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า "คลาวด์เกม" จะมาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกม โดยช่วยแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการ สามารถเล่นเกมที่มีคุณภาพสูงได้ผ่านระบบคลาวด์ เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเล่นคลาวด์เกมให้ไหลลื่น ไม่สะดุด ต้องอาศัยความเร็วและแรงของอินเทอร์เน็ต ไม่ให้เกิดอาการหน่วงในขณะเล่นเกม ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการสร้างประสบการณ์การเล่นคลาวด์เกมที่น่าประทับใจ โดยเชื่อมั่นว่า ทรู 5G จะมาช่วยเติมเต็มการใช้งานแอป Netboom ของ Bifrost Could ทำให้คอเกมชาวไทย ได้เล่นเกมอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน เต็มประสิทธิภาพทัดเทียมเกมเมอร์ทั่วโลกได้อย่างแน่นอน" ทั้งนี้ ทรู 5G ได้จัดเตรียมแพ็กเกจสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับลูกค้า True 5G เร็วๆ นี้ และเตรียมสนุกพร้อมกัน โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Netboom ได้ที่ App Store และ Play Store ตั้งแต่ 7 มิถุนายน 2564 และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://truemoveh.truecorp.co.th/