ทิปส์เด็ด

เป็นหนอนหนังสือยุคดิจิทัลได้ด้วยเครื่อง E-reader

   

 

คงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า อินเทอร์เน็ตเกิดมาเพื่อฆ่าการอ่านหนังสือเล่ม เนื่องจากการอ่านบนอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงการอ่านผ่านๆ เพื่อเอาแค่ข้อมูลที่ต้องการ มากกว่าจะเป็นการอ่านเพื่อความเข้าใจเหมือนเวลาอ่านหนังสือเป็นเล่ม แต่มุมมองนี้อาจเปลี่ยนไป เพราะในยุคที่เทคโนโลยีด้านดิจิทัลพัฒนามาไกลเช่นเวลานี้ หนังสือที่เคยมีแค่การพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม ได้เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบไฟล์หนังสือดิจิทัล ที่ประกอบไปด้วยตัวอักษร รูปภาพ หรือทั้งสองอย่าง เหมือนหนังสือที่พิมพ์ออกมาเป็นเล่มจริงๆ ซึ่งหนังสือในรูปแบบดิจิทัลนี้เรียกว่า e-book หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือจะเรียกว่าหนังสือออนไลน์ก็ได้ โดยคุณสามารถอ่าน e-book ได้บนหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น บนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และยังมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่อง E-reader หรือเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อการอ่าน e-book โดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งในบทความนี้ ทรูออนไลน์จะมาแนะนำ เผื่อใครสนใจอยากตามกระแสการอ่านหนังสือในรูปแบบ e-book จะได้หามาใช้กัน

 

สิ่งที่คุณจะต้องรักถ้าได้ลองใช้เครื่อง E-reader

 

หากคุณเป็นนักอ่านที่มีความสุขกับการได้ “อ่าน” จริงๆ การซื้อเครื่อง E-reader มาไว้ใช้งานสักเครื่อง นับเป็นทางเลือกที่เหมาะมากๆ เพราะว่ามันได้ดีไซน์มาให้เหมาะกับการอ่านบนหน้าจอได้เป็นเวลานานๆ ให้ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการอ่านหนังสือแบบกระดาษมากที่สุด ด้วยหน้าจอซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า E-Ink หรือหมึกอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการแสดงผลเป็นสีขาวดำ ไม่มีแสงสะท้อน และลักษณะตัวอักษรก็เหมือนหมึกพิมพ์บนกระดาษ ช่วยให้คุณไม่รู้สึกล้าดวงตา แตกต่างจากการอ่านบนจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ที่ใช้หลักการสะท้อนแสงออกจากหน้าจอ และส่งแสงสีฟ้าไปยังดวงตาของผู้อ่าน อีกทั้งหน้าจอแบบ E-Ink ยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานของอุปกรณ์ได้มากขึ้น ทำให้คุณอ่านนิยาย หรือตำราเรียนได้นานต่อเนื่องหลายชั่วโมง โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางคัน ซึ่งแบตเตอรี่นี้สามารถอยู่ได้ร่วมเดือน หากเครื่อง E-reader อยู่ในโหมดสแตนด์บาย

 

นอกจากนี้ การมีเครื่อง E-reader เครื่องเล็กๆ น้ำหนักเบา แค่เครื่องเดียว ก็ช่วยให้คุณเก็บไฟล์หนังสือได้เป็นพันๆ เล่ม และยังสามารถพกติดตัวไปอ่านที่ไหนก็ได้ ช่วยให้คุณมีที่ว่างในกระเป๋าเพิ่มสำหรับใส่ของอย่างอื่น แทนที่จะเป็นหนังสือเล่มหนาๆ อีกทั้งยังหมดปัญหาหนังสือกองโตรกบ้าน ที่คุณต้องวุ่นวายหาชั้นหนังสือเข้าบ้านเพิ่ม ทั้งๆ ที่แทบจะไม่มีเนื้อที่พอสำหรับเฟอร์นิเจอร์ใหม่แล้ว

 

ยิ่งกว่านั้น การอ่านไฟล์หนังสือบนเครื่อง E-reader ยังช่วยให้คุณไม่ว่อกแว่กจากข้อความแจ้งเตือนทั้งหลายที่ส่งเข้ามาไม่หยุดหย่อนจากบรรดาแอปโซเชียล เกม หรืออีเมลต่างๆ ทำให้คุณมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการอ่าน เครื่องบางรุ่นยังรองรับการเขียนด้วยปากกาดิจิทัล หรือสไตลัส ซึ่งคุณสมบัตินี้น่าจะถูกใจนักอ่านสายจดที่ชอบจดโน้ต ขีดเส้นใต้ หรือไฮไลต์ข้อความโดนๆ และชอบเขียนคอมเมนต์ต่างๆ ไว้ตามขอบหน้ากระดาษขณะที่อ่านหนังสืออย่างแน่นอน

 

เลือกเครื่อง E-reader อย่างไรให้เหมาะกับสไตล์การอ่านของคุณ

 

ถ้าคุณได้ลองเข้าไปดูเครื่อง E-reader ที่วางขายบนช่องทางออนไลน์ หรือตามร้านค้าต่างๆ แล้วรู้สึกละลานตาไปกับรุ่นและแบรนด์ของเครื่องที่หลากหลาย รวมทั้งดีไซน์ ขนาดหน้าจอ ความสามารถของเครื่อง และราคา ที่แตกต่างกัน จนงงๆ เลือกไม่ถูกว่าเครื่องแบบไหน รุ่นใดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด ขอแนะนำให้ลองสำรวจดูว่าคุณชอบอ่านหนังสือประเภทไหน เพื่อใช้เป็นแนวทางคร่าวๆ ในการเลือกเครื่อง E-reader ที่ถูกใจ

 

หากคุณชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เครื่องคินเดิล (Kindle) ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่อง E-reader ยอดนิยมจาก Amazon ร้านขายหนังสือออนไลน์ยักษ์ใหญ่ หรือครื่อง E-reader ของ Kobo ซึ่งมีร้านค้าสำหรับขายหนังสือเป็นของตัวเองเช่นเดียวกับ Amazon นับเป็นแบรนด์ที่เหมาะกับคุณ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาษาอังกฤษ โดยเครื่อง E-reader ทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าวมีระบบปฏิบัติการเฉพาะเป็นของตัวเอง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ใช้ระบบปฏิบัติการแบบปิด ทำให้คุณไม่สามารถลงแอปอื่นใดได้นอกเหนือจากแอปที่มีติดตั้งมากับตัวเครื่อง อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่มีในตัวเครื่องก็ง่าย สะดวก และเพียงพอต่อการอ่าน e-book แล้ว เช่น การเลือกรูปแบบตัวหนังสือ การปรับเปลี่ยนขนาดของตัวหนังสือ และการปาดหน้าจอเพื่อเปลี่ยนหน้าหนังสือ เป็นต้น ส่วนใหญ่เครื่องของ 2 เจ้านี้จะรองรับเฉพาะไฟล์ e-book ของหนังสือที่ซื้อผ่านร้านหนังสือของแบรนด์ที่ผลิตเครื่อง คือ Amazon กับ Kobo เท่านั้น แต่ถึงแม้จะซื้อได้จากแค่ร้านเดียว แต่จำนวน e-book ในร้านทั้ง 2 เจ้าก็มีเยอะมาก จนมั่นใจได้เลยว่า คุณจะต้องเจอเล่มที่ถูกใจอย่างแน่นอน สำหรับเครื่องคินเดิล คุณยังสามารถส่งไฟล์ e-book ที่เครื่องไม่รองรับผ่านทางอีเมลพิเศษที่ได้มาพร้อมกับเครื่องให้ส่งตรงไปยังตัวเครื่อง เพื่อแปลงเป็นไฟล์สำหรับเปิดบนเครื่องได้เลย

 

ส่วนนักอ่านที่อ่านหนังสือภาษาไทยเป็นหลัก เครื่อง E-reader ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากร้านที่มีไฟล์อีบุ๊กภาษาไทยขายไม่ได้ทำเครื่อง E-reader สำหรับอ่านของตัวเองโดยเฉพาะ คุณจึงจำเป็นต้องติดตั้ง Google Play Store เพื่อลงแอปพลิเคชันร้านค้าก่อนจึงจะเข้าไปเลือกซื้อไฟล์หนังสือมาอ่านบนเครื่องได้ ร้านค้า e-book ออนไลน์สำหรับหนังสือภาษาไทยที่ใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ เม็บ (อ่านเพิ่มเติมที่ ให้นิยายเป็นเพื่อนออนไลน์คลายเหงาในช่วงโควิด) แต่ถ้าคุณยังไม่เจอเล่มที่คุณสนใจที่นี่ คุณก็สามารถไปหาต่อที่ร้านค้า e-book ภาษาไทยอื่นๆ ได้ อาทิ นายอินทร์ อุ๊คบี และซี-เอ็ด    

 

และถ้าคุณเป็นสายอ่านการ์ตูนหรือมังงะ คุณควรเลือกเครื่อง E-reader ที่มีหน้าจอขนาด 10 นิ้ว มากกว่าจะเลือกเครื่องที่มีขนาดหน้าจอเพียง 6 หรือ 7.8 นิ้ว หน้าจอที่ใหญ่กว่าเหมาะสมกับการอ่านการ์ตูนหรือมังงะที่ใช้ตัวหนังสือเล็กกว่าหนังสือ e-book ปกติทั่วไป เครื่อง E-reader จอใหญ่ยังเหมาะกับการใช้อ่านไฟล์ PDF ด้วย เพราะคุณไม่สามารถปรับขนาดฟอนต์ของไฟล์ PDF ได้ตามต้องการเหมือนกับไฟล์ e-book สกุลอื่น

 

เครื่อง E-reader เป็นนวัตกรรมที่ทำให้เห็นว่า อินเทอร์เน็ตไม่ได้ฆ่าการอ่านหนังสือเล่ม ในทางกลับกัน การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ากับเครื่อง E-reader เพื่อเลือกซื้อ ดาวน์โหลด หรืออ่าน e-book ที่ถูกใจนั้น ช่วยเปิดโอกาสให้คุณยังคงเป็นหนอนหนังสืออยู่ได้ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และไม่ว่าคุณจะชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มมากกว่าอ่านบนจอ หรือจะชอบอ่านหนังสือบนจอมากกว่าอ่านเป็นเล่ม คุณก็มีทางเลือกในการพาตัวเองเข้าไปดื่มด่ำในโลกแห่งความมหัศจรรย์ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของหนังสือได้เสมอ