ทิปส์เด็ด

หมดไฟ ก้าวต่อไปอย่างไรดี

“หมดไฟ” หลายๆ คนคงมักจะนึกถึงคำๆ นี้ ยามที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือกำลังเจอภาวะงานท่วมท้นจนรู้สึกเหมือนโดนสูบพลังงานออกไปจนหมด แต่จริงๆ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าอาการหมดไฟคืออะไร มาเรียนรู้ถึงอาการนี้และการป้องกันเพื่อไม่ให้อาการหมดไฟเกิดขึ้นจากบทความนี้กัน   


อาการหมดไฟเป็นอย่างไร

 

ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียด จนบางครั้งรู้สึกมีความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ เบื่อหน่าย ไม่อยากหยิบจับทำอะไร รู้สึกสูญเสียพลังงานทางจิตใจ มองงานที่กำลังทำอยู่ในเชิงลบ ขาดความสุขและความสนุกในเนื้องาน บางรายอาจรู้สึกเหินห่างจากเพื่อนร่วมงาน จนทำให้มีความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงในการทำงานจนส่งผลไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ถึงแม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงเท่ากับโรคซึมเศร้า แต่หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลทำให้ขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และอาจคิดเรื่องลาออกในที่สุด

 

แล้วมันเกิดจากอะไรกัน

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเกิดอาการหมดไฟมักมาจากความเครียดจากงานและภาระงานที่มากเกินไป แต่จะว่าไปความเครียดก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดอาการนี้ขึ้น การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ การพักกายพักใจที่น้อยเกินไป ขาดความช่วยเหลือเกื้อกูลจากทีม หรือแม้แต่การมองตนเองหรือทุกสิ่งบนโลกในแง่ลบล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการหมดไฟได้เช่นกัน

 

เราอยู่ในภาวะหมดไฟแล้วหรือเปล่านะ

 

หากคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่มีค่า ทุกวันคือวันที่แย่เสียเหลือเกิน การดูแลบ้านและการทำงานทำให้คุณหมดพลังจนรู้สึกอ่อนล้าตลอดเวลา หรือพบว่าสิ่งที่คุณทำไม่น่าพอใจและไม่สามารถสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้เลย หากพบอาการเช่นนี้ คุณอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการหมดไฟได้ แต่หากไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเพียงแค่อาการเบื่อที่ทุกคนต่างพบเจอหรือเปล่า ลองประเมินตัวเองผ่านแบบสอบถาม ในแบบสอบถามจะมีอยู่ 15 คำถาม ให้คุณเลือกคำตอบที่อธิบายตัวตนของคุณมากที่สุด โดยตัวเลือกจะเริ่มตั้งแต่ ไม่เลย นานๆครั้ง บางครั้ง บ่อย บ่อยมาก เมื่อทำแบบสอบถามเสร็จ คุณสามารถตรวจสอบคะแนนเพื่อดูคำอธิบายได้เลย 

 

จุดไฟในตัวคุณกันเถอะ

 

ถ้าพบสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะเริ่มมีอาการหมดไฟ เราอยากจะแนะนำให้คุณพยายามก้าวผ่านความเหนื่อยล้านั้นไปให้ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ทำให้ร่างกายและจิตใจของคุณย่ำแย่ลง ณ จุดนี้ ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลับมาเป็นคนคิดบวกและแข็งแรงได้อีกครั้ง

 

เริ่มง่ายๆ จากวิถีชีวิตประจำวันของคุณก่อน นั่นคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามลดความเครียดและหาสมดุลในชีวิต ถ้าคุณเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานเป็นเวลานาน ลองหากิจกรรมที่คุณสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง (คุณสามารถเลือกดูคอนเทนต์ต่างๆ มากมายตามความสนใจได้บนทรูไอดี) ทำอาหาร หรือออกกำลังกาย ซึ่งนอกจากจะดีต่อจิตใจแล้วยังดีต่อร่างกายด้วย ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร หรือออกกำลังกายประเภทไหนดี ลองอ่านบทความนี้ แต่ถ้ายังไม่มีไอเดียว่าจะทำอะไร ลองใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, YouTube หรือเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง Google เป็นตัวช่วย หรืออีกวิธีหนึ่งที่เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกันก็คือ คุณอาจจะเลือกใช้วันหยุดประจำปี ลาพักร้อนไปพักผ่อนสมอง เพื่อหลีกหนีความจำเจและหาโอกาสไปสำรวจสิ่งใหม่ๆ เพื่อเรียกพลังบวกกลับมา

 

การปรับทัศนคติในการทำงานโดยทำความเข้าใจเนื้องานและองค์กรที่ทำงานอยู่ให้มากขึ้น เลิกกังวลถึงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นระหว่างทางก็เป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยให้อาการหมดไฟเบาบางลง โปรดระลึกไว้เสมอว่าไม่ว่าทำอะไร ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ล้มได้ก็ลุกได้ แทนที่จะมัวคิดกังวลก็เปลี่ยนไปนึกไปถึงเป้าหมายและรสชาติของความสำเร็จที่เราจะได้ลิ้มรสแทน 

 

เปิดใจให้กับคนรอบข้างให้มากขึ้น อย่าลังเลที่จะปรึกษาเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่มีความคิดในแง่ลบ เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่างของคน และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่อาจไม่ตรงกัน วิธีเหล่านี้ล้วนช่วยบรรเทาอาการหมดไฟได้เช่นกัน

 

การเติมไฟของเราก็มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป เราเชื่อว่าจะมีสักวิธีที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สุดท้ายแล้วขอให้เชื่อในตัวเอง เชื่อในพลังบวก แล้วไฟที่มอดก็จะลุกขึ้นมาได้อีกครั้งอย่างแน่นอน