Togetherness Story

เทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิตและสร้างโอกาสดี ๆ ให้เด็กและชุมชนในพื้นที่ห่างไกล
True Blog 16 ธ.ค. 2565

เทคโนโลยีที่ทันสมัยมีศักยภาพที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลอย่างชาวบ้านและเด็กนักเรียนที่อาศัยอยู่บนดอย บนภูเขา การมีเทคโนโลยีเข้ามาถึงนั้น เป็นมากกว่าความสะดวกสบาย เพราะเทคโนโลยียังเข้ามาช่วยเติมเต็มความฝันของเด็ก ๆ และคนในชุมชน ช่วยสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ ๆ และสร้างความเท่าเทียมได้จริง

 

ด้วยเจตนารมย์ของกลุ่มทรูที่มุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เท่าเทียมกันทั่วประเทศ การขยายเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G จึงกว้างไกลและครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย รวมถึงในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้คนไทยได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G อย่างทั่วถึง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

 

เมื่อทรูเข้าไปติดตั้งเครือข่าย True 5G ที่บ้านป่าซางนาเงิน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ชุมชนที่อยู่บนดอยสูงและห่างไกล การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชุมชนแห่งนี้ก็ได้เกิดขึ้น และเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ผู้คนในชุมชนอยากถ่ายถอดให้ทุกคนได้ฟัง

 

เปิดโลกความรู้ เชื่อมต่อความร่วมมือ และสร้างอาชีพได้จริง ด้วยเทคโนโลยีส่งเสริมการเรียนแบบ Project Based Learning

 

เมื่อมีเครือข่าย True 5G พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาในโรงเรียน โรงเรียนป่าซางนาเงินจึงสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Project based learning (PBL) ที่เน้นการสอนผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้โครงงานเป็นฐาน และเพิ่มประสบการณ์ในการปฏิบัติงานให้นักเรียนเหมือนกับการทำงานจริง

 

 

ครูทิ้ง – ศุภชัย บำรุง ครูจากมูลนิธิ Teach For Thailand รับหน้าที่สอนวิชาคณิตศาสตร์ ทักษะงานอาชีพเกษตร ทักษะงานอาชีพงานประดิษฐ์ เล่าว่า ปีการศึกษาที่ผ่านมา นักเรียนที่เรียนผ่านวิธี PBL ได้ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในทำโครงงานที่พวกเขาสนใจ นั่นคือ การขายต้นบอน ไม้ประดับที่มีมากในท้องถิ่น

 

กลุ่มนักเรียนได้เริ่มจากการใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล และได้แลกเปลี่ยนความรู้กับกลุ่มคนรักบอน ไปจนถึงการเรียนการตลาดออนไลน์กับนักการตลาดที่เชี่ยวชาญ ในที่สุดก็เกิดโครงการเกษตร AKHAYA ซึ่งนักเรียนสามารถขายสินค้าออนไลน์และหารายได้นอกเวลาเรียนได้จริง ครูทิ้งได้เล่ารายละเอียดของโครงการนี้ว่า

 

 

 

 

 

“ชื่อ AKHAYA เป็นชื่อแบรนด์ที่นักเรียนคิดก่อนที่จะทำโครงการสร้างรายได้ด้วยไม้ประดับ ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากนักเรียนได้เรียนการตลาดออนไลน์กับนักการตลาด และได้คิดชื่อแบรนด์ว่า AKHAYA ซึ่งแปลว่า เด็กอาข่า เด็ก ๆ บอกว่า จำง่าย ฟังครั้งเดียวแล้วติดหูคน ส่วนโลโก้ AKHAYA นักเรียนต้องการสื่อสารความเป็นอาข่าของเขา มีการนำโต๊ะที่พังไปแล้วมาแกะสลักและนำลายผ้าอาข่ามาทำเป็นลายอะเคิ้ง ที่แปลว่า ใยแมงมุม และปรับสีให้ดูโมเดิร์นขึ้น เพื่อสร้างสรรค์งานคราฟต์ที่เป็นกระถางไม้ไผ่

 

 

 

 

“ส่วนไม้ประดับที่นักเรียนเลือกทำควบคู่กันไปด้วยคือ การเพาะปลูกต้นบอนพันธุ์ที่พบในภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตรงนี้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความรู้และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนรักบอนด้วย สิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับนักเรียนที่สุดคือ เขาสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง​”

 

 

 

 

 

 

ครูทิ้งกล่าวว่า ความสำเร็จเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีเครือข่าย True 5G เข้ามาสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาชีวิตในชุมชนบ้านป่าซางนาเงิน

 

“โครงการเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้จากการที่เราได้ใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูล การขายบนโลกออนไลน์ รวมถึงการเรียนรู้กับนักการตลาดมืออาชีพ ผ่านแพลตฟอร์ม True VRoom นอกจากนี้นักเรียนยังได้ช่วยกันออกแบบโลโก้ในไอแพดและนำเสนอผลงานให้ครูท่านอื่นดูผ่านสมาร์ททีวีหน้าจอใหญ่ ทุกอย่างสะดวกสบายกว่าเดิมมาก ผมรู้สึกประทับใจจริง ๆ ครับ”

 

 

 

 

ส่วนในมุมของนักเรียน ด.ช.ปฏิภาณ ยิลือ และ ด.ช.พงศกร แยม๊อ เล่าว่า พวกเขามีความภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้ลงมือทำงานโครงการให้สำเร็จ และสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากที่สุด

 

นอกจากเทคโนโลยีจะเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนหาความรู้ได้ตามความสนใจแล้ว เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ตยังช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชนอีกด้วย

 

ชมความสนุกของการเรียนการสอนของ “ห้องเรียนบนดอย” สุดทันสมัยของโรงเรียนบ้านป่าซางนาเงิน พร้อมผลงานมากมายที่น่าสนใจของนักเรียนในห้องเรียนแห่งนี้ได้ในคลิปนี้

 

 

 

 

เทคโนโลยี 5G สร้างอาชีพใหม่ให้คนในชุมชนห่างไกลมีรายได้จากโลกออนไลน์ 

 

เราต่างรู้กันดีว่า โลกออนไลน์นั้น หากจับทางถูกก็สามารถสร้างอาชีพและหารายได้เลี้ยงตัวได้ อย่างเช่น คุณขวัญ - นราพร วิเศษไตรรัตน์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบ้านป่าซางนาเงิน ที่ทำงานประจำไปพร้อมกับการขายของออนไลน์เป็นอาชีพเสริม สินค้าที่เธอนำมาขายคือ ชาเลือดมังกร

 

 

จุดเริ่มต้นของการขายชาเลือดมังกรของคุณขวัญ เกิดจากการที่เธอได้ชิมชานี้ที่บ้านเพื่อน จากนั้นจึงนำสมุนไพรนี้มาปลูกในชุมชน และทดลองให้คนรอบตัวลองดื่มและเห็นผลว่าบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้ จึงเริ่มผลิตขายให้กับคนรู้จักจนเกิดความคิดต่อยอดที่อยากขายชาเลือดมังกรให้คนทั่วไปได้นำไปบำรุงสุขภาพด้วย เมื่อ True 5G เข้ามาในชุมชนบ้านป่าซาง เธอจึงได้ใช้ประโยชน์ในการอินเทอร์เน็ตเพื่อโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก จากนั้นก็เริ่มมีคนสั่งสินค้าเข้ามาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้อีกทางให้กับครอบครัว

 

 

 

คุณขวัญเน้นว่า อาชีพเสริมนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ โดยเธอกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอบคุณ True 5G ที่ทำให้ชุมชนชนบทมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ดี ชาวบ้านก็หาช่องทางสร้างอาชีพเสริมได้ ตอนนี้คุยกับลูกค้าไม่สะดุด ไม่ว่าจะอยู่ที่หุบเขาหรือที่ไหนก็ปิดการขายได้รวดเร็วทันใจค่ะ”

 

เรื่องราวของคุณครู นักเรียน และผู้คนในชุมชนบ้านป่าซางนาเงิน จังหวัดเชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีที่ทันสมัย แม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล แต่ก็ยังมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลความรู้ต่างๆ ไม่เท่าเทียมกับคนในเมือง ดังความตั้งใจของ True 5G ที่พร้อมนำเทคโนโลยี ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างแท้จริง      

 

อ่านต่อ
พลังแห่งเทคโนโลยี พลิกการศึกษาของเด็กชายขอบ ต่อยอดการเรียนรู้ไม่รู้จบ
True Blog 01 ธ.ค. 2565

การศึกษาที่มีคุณภาพ เป็นสิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาที่ดีได้เท่ากับเด็กในชุมชนเมือง เด็กกลุ่มนี้ถูกเรียกว่าเป็น “เด็กชายขอบ”

 

เพราะการศึกษาคือต้นทุนชีวิตที่สำคัญของเด็กทุกคน กลุ่มทรู จึงตระหนักถึงปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำในด้านศึกษาของเด็กชายขอบมาตลอด และยึดถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญมากกว่า 10 ปี ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท บุกเบิกในการนำศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร ช่วยเปิดโลกกว้าง ยกระดับการศึกษาให้กับนักเรียน และครูในพื้นที่ห่างไกล เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมความเสมอภาคในการศึกษาให้ได้มากที่สุด

 

วันนี้ เราได้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วใน 3 พื้นที่ชายขอบของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ห่างไกลแค่ไหน ทรูก็พร้อมเดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการศึกษาให้เด็กทุกคนได้เรียนอย่างทัดเทียม

 

เด็กเมียนมาร์ในแนวชายแดนมีคะแนนยอดเยี่ยม ติด 10 อันดับแรกของหลักสูตร กศน.

 

ในพื้นที่ห่างไกลไล่ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาร์ 5 จังหวัด ตั้งแต่ ระนอง กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน ไปถึงเชียงราย เด็กนักเรียนและครูในพื้นที่นี้ ได้พึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลจากทรู ที่เปิดโอกาสทางการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น จนเกิดผลลัพธ์ที่น่าภูมิใจ คือการได้เห็นเด็กเมียนมาร์จากศูนย์การเรียนรู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้ มีคะแนนสอบยอดเยี่ยมติด 10 อันดับแรกของหลักสูตร กศน.ของเมียนมาร์ (Non-Formal Primary Education)

 

 

จุดเริ่มต้นของความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ที่กลุ่มทรู ได้ร่วมกับสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ขับเคลื่อน “โครงการสื่อพกพาเพื่อการรู้หนังสือสำหรับเด็กนอกระบบการศึกษา” หรือ Mobile Literacy for Out-of-School Children Project โดยมอบสื่อไอซีทีจากโครงการทรูปลูกปัญญา ทั้งชุดอุปกรณ์รับสัญญาณทรูวิชั่นส์สื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนการสอน ครอบคลุม 8 กลุ่มสาระวิชา และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายบนเครือข่ายทรูมูฟ เอช ให้แก่ศูนย์การเรียนรู้กว่า 70 แห่ง ในพื้นที่แห่งนี้

 

ครูกว่า 350 คน ได้พัฒนาทักษะการใช้สื่อพกพาและนำไอซีทีมาประยุกต์ใช้จัดการเรียนการสอน มีนักเรียนกว่า 10,000 คน สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้และอินเทอร์เน็ตได้ และเกิดการพัฒนาที่ดีอย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและวัดผลได้จริงว่าเด็ก ๆ มีผลการเรียนรู้ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

นักเรียนปอเนาะสื่อสารภาษาไทยได้ และสอบผ่านเกณฑ์ได้มากขึ้น

 

ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความท้าทายทั้งในด้านวัฒนธรรมและภาษาท้องถิ่น เนื่องจากชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ใช้ภาษามลายูในการติดต่อสื่อสาร ขณะที่โรงเรียนต่าง ๆ จัดการเรียนการสอนและใช้สื่อการสอนภาษาไทยเป็นหลัก เด็กนักเรียนไทยมุสลิมจึงต้องปรับตัวในการเรียนรู้และสื่อสารภาษาไทย ซึ่งอาจเป็นปัญหาหนึ่งในการเรียนของเด็กได้

 

จากความตั้งใจต่อยอดโอกาสทางการศึกษา พร้อมสร้างความเท่าเทียมในการเรียนรู้ให้กับเด็กทุกคนในทุกพื้นที่ กลุ่มทรู จึงเดินหน้าเข้าสู่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล โดยจัดตั้ง “โครงการสื่อพกพาเพื่อการรู้หนังสือสำหรับเยาวชนปอเนาะ” ติดตั้งชุดสื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้จากโครงการทรูปลูกปัญญา ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์รับสัญญาณทรูวิชั่นส์พร้อมแพ็กเกจสารคดีชั้นนำจากทั่วโลก แท็บเล็ต อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายพร้อมดาต้า ตลอดจนจัดอบรมการใช้สื่อและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้แก่ครูและนักเรียนของ กศน. ภาคใต้ และสถาบันศึกษาปอเนาะ ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้

 

 

 

เทคโนโลยีอันล้ำสมัยและอุปกรณ์จากโครงการนี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญให้ครูได้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ขณะที่เด็กนักเรียนกศน. และโรงเรียนรัฐบาลต่าง ๆ ในจังหวัดภาคใต้ ก็สามารถเข้าถึงแหล่งสาระข้อมูลและข่าวสาร ทั้งด้านวิชาการ ศาสนา วัฒนธรรม พร้อมสื่อดิจิทัลภาษาอารบิก และภาษามลายูได้เป็นอย่างดี

 

ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 ปีก็เห็นผลสำเร็จอันน่าภูมิใจ นั่นคือ นักเรียนปอเนาะมีผลการเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถสอบผ่านเกณฑ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้และการสื่อสารภาษาไทยซึ่งเป็นปัญหาหลักของนักเรียนในพื้นที่นี้

 

เด็กบนยอดดอยเชียงราย ได้เปิดโลกกว้างทางการศึกษา และต่อยอดความรู้หารายได้ทางออนไลน์

 

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกลุ่มทรู คือ การใช้เครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความเท่าเทียมทั้งทางการศึกษา และต่อยอดความฝันให้เด็ก ๆ โรงเรียนบ้านป่าซางนาเงิน อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ได้สำเร็จ แม้โรงเรียนและชุมชนแห่งนี้จะอยู่บนดอยสูง ติดชายแดนไทย-เมียนมาร์

 

ความก้าวล้ำของเทคโนโลยี 5G เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย ช่วยยกระดับการศึกษา เปิดโลกกว้างให้กับเด็กนักเรียนและผู้คนในพื้นที่ห่างไกล พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2563 กลุ่มทรู เข้าไปดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ 5G ชุมชน ณ โรงเรียนบ้านป่าซางนางเงิน ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ติดตั้งเสาสัญญาณ 5G และสนับสนุนเทคโนโลยีสื่อสาร เพื่อยกระดับการศึกษาและการใช้ชีวิต ที่จะทำให้ครู นักเรียน และคนในชุมชน ก้าวทันเทคโนโลยีดิจิทัลได้ทัดเทียบกับคนในเมือง

 

 

เทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยจากทรู เข้ามาเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนบ้านป่าซางนาเงิน มีการริเริ่มการเรียนรู้แบบ Project Based Learning โดยครูและนักเรียนใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G เสริมการเรียนรู้แบบครบวงจรในโครงงานวิชาต่าง ๆ พร้อมกับการต่อยอดเปิดช่องทางจำหน่ายออนไลน์  อย่างเช่นโครงการ AKHAYA ที่เด็กนักเรียนต่อยอดความรู้ ขายไม้ประดับบอนท้องถิ่นผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก

 

นอกจากนั้น ยังบูรณาการการเรียนรู้รายวิชา นำแว่นเสมือนจริงและสื่อ 360 องศา ประกอบการเรียนรู้เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนที่สนุกสนาน ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดแรงบันดาลใจและสร้างเสริมจินตนาการไม่รู้จบ จากการได้เห็นโลกกว้างผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

 

 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทรูยังส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา หรือ ICT Talent มาประจำการที่ศูนย์ฯ ช่วยแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ และการใช้โปรแกรมพื้นฐาน เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทูป ติ๊กต็อก ซึ่งเด็กนักเรียนที่ทำโครงการขายสินค้าทางออนไลน์ และคนในชุมชนที่ทำมาค้าขาย สามารถนำไปใช้ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวได้จริง

 

ความภาคภูมิใจในความสำเร็จของโครงการต่าง ๆ ที่สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กนักเรียนและชุมชนใน 3 เขตพื้นที่ห่างไกลนี้ เป็นแรงผลักดันและกำลังใจสำคัญให้ กลุ่มทรู เดินหน้าสานต่อความตั้งใจที่จะสร้างโอกาสแห่งความทัดเทียม ในด้านการศึกษาให้ “เป็นจริงได้” ในอีกหลากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ  

 

อ้างอิง

https://research.eef.or.th/bilingual-education-southern-thailand/

อ่านต่อ
9 เรื่องน่ารู้ของรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) เสริมพลังเครือข่าย True 5G เพื่อการสื่อสารต่อเนื่องในทุกที่ ทุกสถานการณ์
True Blog 15 พ.ย. 2565

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นรถสี่ล้อเล็กที่มีเสาสัญญาณด้านบน พร้อมสัญลักษณ์ True 5G วิ่งไปจอดตามพื้นที่ต่าง ในงานเทศกาลหรือกิจกรรมที่รวมผู้คนจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ที่กำลังเกิดภัยพิบัติ โดยเป็นเหมือนหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่รีบเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยและอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร เพื่อเพิ่มคุณภาพสัญญาณให้ทุกการสื่อสารในพื้นที่นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว

 

รถสี่ล้อเล็กที่ว่านี้คือ รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว​ (Cell-On-Wheel) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า รถ COW” ซึ่งเป็นกองกำลังสำคัญของ True 5G ที่พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด เร็วและแรงที่สุด ในทุกสถานการณ์

 

 

เมื่อภารกิจของรถ COW สำคัญเช่นนี้  เราจะพาไปเจาะลึกกับ 9 เรื่องราวน่ารู้ ที่จะทำให้ทุกคนรู้จักรถ COW ของ True 5G มากยิ่งขึ้น 

 

 

1.  รถ COW มีหลากหลายขนาด โดยมีตั้งแต่รถขนาด 4 ล้อ – 6 ล้อใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กหรือใหญ่ก็เพิ่มคุณภาพของสัญญาณได้แรงไม่แพ้กัน เพราะขนาดของรถจึงเป็นตัวเลือกให้เหมาะสมตามลักษณะงาน และพื้นที่ที่จะนำไปใช้เท่านั้น ขนาดรถที่เล็กกว่าก็จะสามารถเข้าไปในแหล่งชุมชนหรือบริเวณพื้นที่แคบๆได้คล่องตัวมากกว่า

 

 

2. รถ COW ทุกคันจะติดตั้งอุปกรณ์สัญญาณ 360 องศาไว้ด้านบน โดยแยกเป็นสามทิศทางบนเสาด้านบนของตัวรถ เพื่อกระจายสัญญาณให้ครอบคลุมทุกทิศทุกทาง และเสาที่ติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถปรับความยาวได้ เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน

 

 

3. หน้าที่หลักของรถ COW คือการขยายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการเพิ่มช่องสัญญาณมือถือในพื้นที่ที่มีการใช้หนาแน่น เพื่อรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์

 

 

 

 

4. รถ COW 1 คัน สามารถส่งสัญญาณได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าเสาสัญญาณขนาดใหญ่ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน 5G/4G/3G และยังสามารถกระจายสัญญาณ WiFi by TrueMove H ได้ด้วย เรียกว่ารองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทั้งโทรและอินเทอร์เน็ต ถ้าเห็นรถ COW จอดที่ไหนก็มั่นใจได้เลยว่าจะใช้งานเครือข่ายของทรูมูฟ เอช ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

 

5. ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว เพียง 1 ชั่วโมงหลังจากเข้าถึงพื้นที่ รถ COW ก็สามารถให้บริการได้ทันที จึงสามารถอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารได้อย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด สัญญาณเร็วแรง เสถียร ไม่มีสะดุด

 

 

6. รถ COW ทุกคัน สามารถกระจายสัญญาณเพื่อรองรับการใช้งานได้ยาวนาน แม้ในกรณีที่กระแสไฟฟ้าในพื้นที่ถูกตัดขาด รถ COW ของ True 5G ก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยาวนาน เพราะภายในรถมีทั้งระบบไฟฟ้าสำรองและเครื่องปั่นไฟ ทำให้หมดกังวลได้ ไม่ว่าจะเข้าไปในพื้นที่ไหนก็พร้อมให้บริการได้อย่างเต็มที่

 

 

7. รถ COW ของ True 5G ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ควบคุมการทำงานจากส่วนกลาง โดยใช้ระบบ Centralize Intelligence Control  สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถ แรงลม กระแสไฟฟ้า ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการขยายสัญญาณ ควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือโดยทีมวิศวกรเครือข่ายที่มีความเชี่ยวชาญ

 

 

8. รถ COW เป็นเหมือนพาวเวอร์แบงก์ขนาดใหญ่ ด้วยระบบของรถ COW ที่มีเครื่องปั่นไฟ จึงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขยายสัญญาณ อีกทั้งยังเป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองให้แก่คนในชุมชน รองรับการชาร์จแบตเตอรี่เครื่องโทรศัพท์มือถือและพาวเวอร์แบงก์ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ หรือในภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ ที่ไม่มีการตัดกระแสไฟฟ้า รวมถึงในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีระบบไฟฟ้าเข้าถึง

 

 

9. รถ COW พร้อมอำนวยความสะดวกได้ทุกกิจกรรม ด้วยขนาดของรถ และการทำงานที่คล่องตัวด้วย ประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยม รถ COW จึงสามารถให้บริการได้ในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธี พิธีสำคัญทางศาสนา งานเทศกาลและอีเวนต์ต่าง ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีการใช้งานหนาแน่นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ด้วย ช่วยเสริมช่องสัญญาณเพื่อการสื่อสารที่ราบรื่นและรวดเร็ว  นอกจากนี้ สำหรับพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ที่อยู่ระหว่างการติดตั้งเสาสัญญาณเพิ่มเติม ยังสามารถนำรถ COW ไปให้บริการชั่วคราวก่อนติดตั้งสถานีฐานถาวรด้วย

 

 

 

 

ทีมวิศวกรเครือข่าย พร้อมรถ COW ลุยฝ่าวิกฤต เคียงคู่คนไทยทุกสถานการณ์

 

 

กลุ่มทรู เคียงคู่คนไทย ร่วมฝ่าวิกฤตการณ์ต่าง ๆ เสมอมา โดยระดมสรรพกำลังเสริมประสิทธิภาพเครือข่ายให้มีคุณภาพและครอบคลุมมากที่สุด เพื่อให้ทุกการสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง เพราะในภาวะวิกฤต การสื่อสารสำคัญที่สุด

 

 

หนึ่งในภารกิจที่ทรูร่วมดูแลและช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มความสามารถ ก็คือ การช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกที่พลัดหลงในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 ทรูได้ส่งรถ COW เข้าไปขยายสัญญาณในพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดช่วงเวลาที่ทุกคนต่างปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือ พร้อมกับสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านอุปกรณ์ รวมถึงทีมช่างเทคนิคประจำพื้นที่เพื่อดูแลการสื่อสารตลอดช่วงสถานการณ์

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ทรู ได้ส่งทีมวิศวกรไปติดตั้งรถ COW เพื่อขยายสัญญาณในโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารแก่แพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาหรือต้องกักตัว สามารถติดต่อกับทางบ้านได้อย่างสบายใจ และยังสามารถเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์ เปิดรับข่าวสารและความบันเทิง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้ผ่อนคลายจากอาการเจ็บป่วยระหว่างการพักรักษาตัวด้วย

 

 

 

 

สำหรับภารกิจสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังในทุก ๆ ปี ก็คือ สถานการณ์ภัยพิบัติและภัยธรรมชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คนไทยต้องเผชิญกับอุทกภัย อย่าง “พายุไต้ฝุ่นโนรู” ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันในหลาย ๆ จังหวัด  ทรู เตรียมความพร้อมด้านการสื่อสารอย่างเต็มพิกัด โดยนำรถ COW พร้อมระดมทีมวิศวกรเครือข่าย ลงพื้นที่เพื่อดูแลขยายสัญญาณมือถือให้ประชาชนที่ประสบภัยสามารถสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมต่อเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G และ WiFi ที่เร็ว แรง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย และได้ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังเครือข่ายสื่อสารทั่วประเทศแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงจนกว่าพายุสงบ นอกจากนี้ ทีมวิศวกรยังได้เข้าตรวจสอบเสาสัญญาณที่ถูกน้ำท่วม เพื่อดูแลให้ใช้งานสื่อสารได้ตามปกติ บรรเทาความเดือดร้อน และอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถใช้บริการ ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดอีกด้วย

 

 

ไม่ว่าจะที่ไหน เวลาใด ทีมวิศวกรเครือข่าย และรถ COW พร้อมเดินหน้าร่วมฝ่าวิกฤต เพื่อให้บริการลูกค้าทรูและดูแลพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศให้ติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง หากพบเห็นรถ COW จอดอยู่ที่ไหน ก็มั่นใจได้ในสัญญาณและประสบการณ์การเชื่อมต่อใช้งานที่เร็ว แรง ไม่มีสะดุดในทุกการสื่อสารอย่างแน่นอน

 

อ่านต่อ
องค์กรยุคใหม่ผูกหัวใจนักลงทุนและพนักงานด้วยความยั่งยืน
True Blog 06 มิ.ย. 2565

เชื่อว่าหลาย ๆ คน น่าจะเคยได้ยินเรื่องของ ‘ความยั่งยืน’ กันมามากมาย รวมถึงองค์กรต่าง ๆ ก็ได้ปรับตัวนำเรื่องของความยั่งยืนมาใช้ในองค์กรกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งคำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมองค์กรชั้นนำทั้งระดับโลก รวมถึงองค์กรในประเทศไทยเอง ต่างก็ให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืน และไม่เพียงแต่องค์กรเท่านั้น แม้กระทั่งพนักงานรุ่นใหม่ต่างก็ให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืนเช่นกัน

ก่อนหาคำตอบนี้ได้ ขอชวนทุกคนมาเรียนรู้และทำความรู้จักเรื่องความยั่งยืนไปด้วยกัน

ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องใส่ใจความยั่งยืน

องค์การสหประชาชาติได้กล่าวถึงเรื่องของการพัฒนาที่ยั่งยืนไว้ใน Brundtland Report (รายงานคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา) ว่าเป็นการพัฒนาโดยตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน ซึ่งการพัฒนานี้จะต้องไม่กระทบต่อทรัพยากรที่จะส่งผลต่อคนรุ่นหลัง และไม่ลดคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน โดยเป็นการมุ่งเน้นการรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อมและมนุษย์นั่นเอง 

หากเราไม่เห็นความสำคัญของความยั่งยืน สิ่งที่น่ากลัวในอนาคตก็คือ เรื่องของพลังงานเชื้อเพลิงต่าง ๆ อาจหมดไป สัตว์หลายชนิดก็จะสูญพันธุ์ คุณภาพของน้ำที่ควรสะอาดถูกลดทอนลงไป อากาศบริสุทธิ์ถูกทำลาย ชั้นบรรยากาศโลกเกิดความเสียหาย แต่หากนักธุรกิจให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ผสมผสานความยั่งยืนกันคนละไม้คนละมือ ปัญหาที่กล่าวมาก็จะเบาบางลงไปได้

ไม่น่าแปลกใจที่องค์กรในยุคนี้ต่างปรับตัวและพัฒนาความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ไปพร้อมกับการเน้นความสำคัญเรื่องความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ต่อไปจะไปสำรวจว่า ความยั่งยืนที่มาควบคู่กับการทำธุรกิจเป็นอย่างไร

ความยั่งยืนที่มาควบคู่กับธุรกิจ

สำหรับการทำธุรกิจที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืนนี้ Talal Rafi ซีอีโอของ Sesame Associates ซึ่งเป็นตัวแทนธนาคารโลกด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้นำระดับโลกรุ่นใหม่ของ World Economic Forum (ตำแหน่งในขณะที่บทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่บนเว็บไซต์ Forbes เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021) ได้ให้สัมภาษณ์ในเว็บไซต์ Forbes เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ทำไมองค์กรจึงควรเน้นเรื่องของความยั่งยืน โดยเขาเล่าถึงข้อมูลที่แบ่งออกเป็น 3 ข้อดังต่อไปนี้

1.ลงทุนได้ในระยะยาว

กว่า 90% ของเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารต่างทราบกันดีถึงเรื่องของความยั่งยืน แต่มีองค์กรเพียง 60% เท่านั้นที่จะทำธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งตัวอย่างของนักธุรกิจระดับโลกที่ทำธุรกิจโดยเน้นความยั่งยืนเป็นหลักที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากก็คือ Elon Musk โดยพันธกิจหลักของ Tesla คือ เร่งการเปลี่ยนผ่านโลก สู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน แน่นอนว่าTesla  ประสบความสำเร็จโดยการผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่  รวมถึงโซลูชันด้านพลังงาน จะเห็นได้ว่า การที่ Elon Musk ทำธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนนี้ นอกจากจะทำให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ธุรกิจของ Elon Musk ก็สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาวอีกด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลของ McKinsey ก็ได้บอกไว้ว่า การมีกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนจะช่วยให้บริษัทสามารถลงทุนในระยะยาวได้

2.คนรุ่นใหม่สนใจองค์กรที่เน้นความยั่งยืน

ปัจจุบัน คนรุ่นมิลเลนเนียลเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดของประชากร การสำรวจโดย Nielsen ได้แสดงให้เห็นว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลกำลังจะขยายเป็นสองเท่าของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ที่เพิ่งเริ่มบอกว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนนิสัยเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือ เกือบ 40% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลเลือกทำงานกับบริษัทที่เน้นเรื่องของความยั่งยืน และยังเต็มใจที่จะลดค่าจ้างเพื่อทำงานในบริษัทที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อคนรุ่นมิลเลนเนียลกลายเป็นกลุ่มคนทำงานรายใหญ่ที่สุด องค์กรที่ไม่มีกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนก็อาจสูญเสียคนเก่งจำนวนมาก เพราะความยั่งยืนทำให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เพราะเห็นคุณค่าในสิ่งที่บริษัทกำลังทำอยู่

3.ผู้บริโภคยอมจ่ายให้กับองค์กรที่เน้นความยั่งยืน

ในมุมของผู้บริโภคนั้น จากการศึกษาของ Nielsen พบว่า 66% ของผู้บริโภคจะยอมจ่ายมากขึ้นหากผลิตภัณฑ์มาจากแบรนด์ที่มีความยั่งยืน และ 81% ของผู้บริโภคทั่วโลกต่างก็รู้สึกไปในทำนองเดียวกันคือ องค์กรต่าง ๆ ควรหันมาใส่ใจในเรื่องของความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

ไม่เพียงองค์กรระดับโลกเท่านั้นที่ให้ความสำคัญเรื่องของความยั่งยืน องค์กรในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญก็มีจำนวนมาก แต่องค์กรที่ให้ความสำคัญด้านนี้อย่างครอบคลุมและโดดเด่นที่สุดจนทำให้ได้เป็นองค์กรที่ได้อันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับดัชนี DJSI 2021 ในหมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ก็คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)

ก่อนที่จะไปสำรวจเหตุผลว่าทำไม True จึงได้เป็นอันดับ 1 ของโลกในด้านความยั่งยืนจากการจัดอันดับดัชนี DJSI เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน ขอพาทุกคนไปความรู้จักกับดัชนี DJSI ที่ทั่วโลกยอมรับกันก่อน

ทำความรู้จักกับดัชนี DJSI

DJSI หรือชื่อเต็มว่า Dow Jones Sustainability Indices คือ ดัชนีที่ใช้ประเมินการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เน้นหลักในการประเมิน 3 ด้านที่เรียกว่า ESG ได้แก่ 1. การรักษาสิ่งแวดล้อม (Environment) 2. การดูแลสังคม (Social) 3. การมีธรรมาภิบาลทางธุรกิจ (Governance) ซึ่งเหตุผลที่ดัชนี DJSI ดึงความสนใจจากนักลงทุนได้มากกว่าธุรกิจที่มีแค่ผลประกอบการ นั่นก็เป็นเพราะ ดัชนี DJSI นับเป็นอีกหนึ่งเกณฑ์สำคัญของนักลงทุนที่ใช้ในการพิจารณาเพื่อจะเข้าไปลงทุนในองค์กรนั้น ๆ  เพราะบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ DJSI ถือเป็นองค์กรที่มีหลักประกันถึงศักยภาพการบริหารงาน ว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีความยั่งยืนให้กับผู้ลงทุนนั่นเอง

ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวขององค์กรที่ได้รับการจัดอันดับดัชนี DJSI 2021 ที่มีคะแนนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก จากองค์กรใหญ่ 10,900 บริษัท เป็นการบอกเล่าถึงความสำเร็จนี้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และนักธุรกิจหน้าใหม่จะได้ประโยชน์อย่างไรจากเรื่องนี้

เผยเคล็ดลับจากองค์กรที่ได้อันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับดัชนี DJSI 2021 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)

สำหรับอันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับดัชนี DJSI 2021 ก็คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ในหมวดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งความสำเร็จนี้ กลุ่มทรูได้ใช้ยุทธศาสตร์ 3 H’s คือ Heart Health และ Home ดังรายละเอียดต่อไปนี้

Heart เน้นเรื่องของบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ได้ 100% รวมถึงร่วมขับเคลื่อนการศึกษาด้วยโครงการทรูปลูกปัญญา และส่งเสริมการศึกษาเยาวชนไทยให้พร้อมเติบโตเป็นทั้งคนดีมีความสามารถมาแล้วกว่า 2.3 ล้านคน ผ่านมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์อีดี ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่อยู่ในการดูแล 5,567 แห่งทั่วประเทศ

Health สร้างสรรค์นวัตกรรมเชื่อมโยงทุกความต้องการของคนไทยยุค New normal ไปกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม TRUE VWORLD เทคโนโลยีคลาวด์ที่ครบทุกโซลูชัน ทั้ง VWORK สนับสนุนภาคธุรกิจ และ VLEARN สนับสนุนสถาบันการศึกษา นักเรียนและนักศึกษา ให้สามารถเรียนออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา

Home มีการติดตั้งพลังงานสะอาดอย่างเช่น โซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณและชุมสาย 3,481 แห่ง ณ สิ้นปี 2021 ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 12,570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และยังเดินหน้าขยายการติดตั้งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าได้ 11,900 MWh ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 5,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ยุทธศาสตร์ทั้ง 3 H’s ของ TRUE ล้วนถูกนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากมองกันในแง่ของการลงทุน หลายคนคงจะคุ้นหูกันดีกับคำว่า ‘หุ้นยั่งยืน’ ซึ่ง TRUE ก็เป็นจัดเป็นหุ้นในบริษัทยั่งยืนนี้เช่นกัน 

สำหรับแนวคิดของการพัฒนาองค์กรในแนวทางความยั่งยืนในแบบของ TRUE สามาถรับชมได้ในวิดีโอคลิปนี้

ดูวีดีโอ Full version ได้ที่นี่

หากเป็นการทำธุรกิจในยุคเก่า องค์กรอาจต้องผูกใจนักลงทุนด้วยเรื่องของ เงินทุน ผลกำไร ส่วนในด้านของพนักงานก็อาจคุยถึงเรื่องเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่จากเรื่องราวที่ได้เล่าสู่กันฟังด้านบน ทำให้ทราบว่า ถ้าองค์กรทำธุรกิจบนความยั่งยืน ก็จะสามารถผูกใจนักลงทุนและพนักงานได้อย่างแท้จริง

#TrueTogether #TrueDJSI #TrueSustainability

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.twi-global.com/technical-knowledge/faqs/faq-what-is-sustainability
https://www.forbes.com/sites/forbesbusinesscouncil/2021/02/10/why-corporate-strategies-should-be-focused-on-sustainability/?sh=15c69d077e9f
https://www.brandage.com/article/5184/tesla-Elon-Musk

 

อ่านต่อ