Growing Together

เคล็ด (ไม่) ลับ กับการทำงานอย่างมีความสุขในแบบฉบับทีมทรู
True Blog 16 มี.ค. 2566

เบื้องหลังความสำเร็จของงาน นอกจากความชำนาญ และความทุ่มเท ร่วมแรงร่วมใจของทีมที่มอบให้กับงานแล้ว ปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ความสุข”  โดยเฉพาะในองค์กรต่าง ๆ  หากพนักงานทำงานด้วยความสุขทั้งกายและใจเป็นพื้นฐานแล้ว องค์กรนั้นย่อมมีบรรยากาศการทำงานที่ดี และก่อเกิดนวัตกรรม สร้างผลงานที่โดดเด่นเช่นกัน

 

องค์กรยุคใหม่ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุข ทั้งทางกายและทางจิตใจไปพร้อมกัน สำหรับประเทศไทย ทรู เป็นองค์กรที่มุ่งเน้นดูแลและให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนเป็นอันดับแรก โดยส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขในทุกด้าน นอกเหนือจากการดูแลด้านความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ยังใส่ใจในการส่งเสริมความสุขใจทั้งในการทำงานและการดำเนินชีวิตไปพร้อมกัน ผ่านสวัสดิการและกิจกรรมที่หลากหลาย

 

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้สาระความรู้ไปพร้อมกับการสนับสนุนความสุขของพนักงานยิ่งขึ้น คือ การพบปะพูดคุย และรับฟังเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ จากผู้เชี่ยวชาญและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่หลายคนชื่นชอบ ในหัวข้อที่หลากหลาย ซึ่งขอหยิบยกเคล็ดลับดี ๆ จาก 2 กิจกรรมเด่นในช่วงที่ผ่านมา ให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ด้วยกัน

 

ความสุขที่มาพร้อมกับการรู้จักตัวเอง

 

 

ในการทำงานและการใช้ชีวิต พนักงานอาจมีความเครียดได้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดได้กับทุกคน บางคนอาจจะเครียดโดยไม่รู้สึกตัวได้เช่นกัน ภาวะเช่นนี้เราหาทางป้องกันและแก้ไขได้ โดยแปรเปลี่ยนให้เป็นการรู้จักตัวเองและนำมาซึ่งความสุข


ดร. โฟม สุธาสินี เชาวน์เลิศเสรี นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตองค์กร ผู้ก่อตั้ง ALRISE ศูนย์บริการเชิงจิตวิทยาและพัฒนาบุคคลเชิงองค์รวม ได้มาแชร์เทคนิคน่ารู้ในการรู้จักตัวเองผ่านวิธีการทำ Self-reflection  หรือการสะท้อนตัวเองจากการคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวเอง เพื่อให้ชาวทรูได้นำไปใช้ในการสร้างความเข้าใจและพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มที่ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

 

1. สำรวจก่อนว่าเราพร้อมที่จะอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ หรือไม่ หากไม่พร้อมให้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่เสริมสร้างความสุขให้สบายใจ เช่น ร้องเพลง กิน เที่ยว ไปอยู่กับธรรมชาติ

 

2. เมื่อพร้อมแล้ว ให้หาช่วงเวลาที่จะนั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ อยู่คนเดียวในห้อง ไม่มีใครรบกวน อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง  

 

3. เตรียมกระดาษ ปากกาให้พร้อม เพื่อเขียนตอบตัวเองในกระดาษว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง สถานการณ์ที่เราเจอเป็นอย่างไร ในจุดนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่า ถ้าคิดไม่ออกจะทำอย่างไร เราต้องให้เวลาตัวเองเพิ่ม นี่คือชีวิตของเรา มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่รู้

 

4. หลังจากเขียนปัญหาออกมาแล้ว ให้ถามตัวเองต่อไปว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุมาจากไหน โดยถามตัวเองด้วยคำถามเดิมนี้ ทั้งหมด 5 รอบ เพื่อให้เราค่อย ๆ เจาะลึกถึงลงไปเรื่อย ๆ จนเจอสาเหตุที่แท้จริง

 

5. กระบวนการทั้งหมดจะทำให้เราเห็นปัญหา รู้สาเหตุ และเข้าใจตัวเองยิ่งขึ้น หลายคนอาจมีเรื่องที่อยากทำความเข้าใจตัวเองหลายเรื่อง ให้เริ่มจากเรื่องเดียวก่อน เมื่อทำสำเร็จแล้วไปหนึ่งเรื่องแล้ว จึงย้อนกลับมาทำตามขั้นตอนแรกเพื่อจัดการเรื่องอื่น ๆ ต่อไป

 

การทำ self-reflection นี้ ก็เพื่อให้เราเข้าใจตัวเอง และจัดการเรื่องที่ติดค้างอยู่ เพื่อให้เราเข้าใจเรื่องราวต่างๆ และตัวเองมากขึ้น และเกิดความสุขและสบายใจมากขึ้นนั่นเอง

 

ทำงานสนุกแบบพลังใจล้น เราทุกคนพร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน

 

 

การมีคนเข้าใจ แบ่งปันพลังงานบวก ย่อมทำให้จิตใจมีความสุขและพร้อมทำงานได้อย่างเต็มที่ ดีเจอ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักความสัมพันธ์ จากรายการ Club Friday ได้พูดคุยถึงแนวโน้มหรือกระแสที่สังคมคนทำงานและองค์กรพูดถึงกันมากโดยเฉพาะตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 นั่นคือ ภาวะการหมดไฟในการทำงาน พร้อมแชร์ข้อคิดและเคล็ดลับดี ๆ ให้ชาวทรูได้อบอุ่นใจ เพิ่มพลังการทำงานได้อย่างมีความสุขล้นเหลือ ด้วยวิธีที่ง่าย ๆ แต่ทำแล้วสบายใจมาก

 

1. ทุกคนท้อได้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เราอาจได้ยินคำว่า ‘ท้อแล้วให้รีบลุกขึ้นมา’ แต่จะดียิ่งกว่าถ้าเรายอมรับความจริงก่อนว่า เรากำลังเริ่มเหนื่อย เพราะการที่จิตใจและร่างกายเริ่มเข้าภาวะหมดไฟ นั่นหมายความว่า ร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่า เราใช้ร่างกายหนักเกินไป

 

2. หากอยากมีพลังทำงานในทุก ๆ วัน ให้ถามตัวเองบ้างว่า เหนื่อยไหม ถ้าเหนื่อยต้องพัก ซึ่งวิธีการพักไม่ต้องมองถึงสิ่งไกลตัว แค่ได้กินของอร่อยที่อยากกิน เจอเพื่อนก็ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่าทำแต่อะไรที่เป็นกิจวัตรประจำวัน จนกระทั่งลืมไปว่า ความต้องการจริง ๆ ของเราคืออะไร

 

3. คำชื่นชมจากหัวหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเป็นกำลังใจเพื่อจะบอกว่าคน ๆ นั้นมีความสำคัญกับองค์กรแค่ไหน และสำคัญที่สุดคือ คำชมที่ให้กับตัวเอง ซึ่งการชมตัวเองไม่ใช่การโอ้อวด แต่เป็นการบอกให้รู้ว่าเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เราจะได้รู้สึกมีพลังในตัวเองด้ว

 

นอกจากนี้ ดีเจอ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ได้ทิ้งท้ายไว้เกี่ยวกับสวัสดิการในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มพลังใจและดูแลสุขภาพใจของพนักงานว่า

 

ถ้าเมื่อไรก็ตามที่จิตใจของเราเหนื่อยล้า เราจะไม่มีพลังไปทำงาน ตอนนี้สวัสดิการในบริษัทหลายที่ทั่วโลกเน้นการดูแลสุขภาพใจ ส่วนในประเทศไทย ทรูเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องสุขภาพใจ เมื่อบริษัทดูแลดีทุกคนจะเอาหัวใจลงไปทำงาน และถ้าหากใครที่เอาหัวใจลงไปทำงาน ก็จะมีพลังบางอย่างที่ผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน

 

ขับเคลื่อนองค์กรด้วยความสุขของพนักงาน

 

เพราะเชื่อว่า “คน” เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ทรูจึงมุ่งเน้นดูแลให้พนักงานทุกคนในองค์กรทำงานอย่างมีความสุข  เป็น People Organization ที่นึกถึงพนักงานเป็นอันดับแรก โดยดูแลความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ทั้งกายและใจ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานด้วยความมั่นใจ สบายใจ และมีความสุข

 

ในด้านของการดูแลความสุขและพลังใจนั้น นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมพบปะและแชร์เคล็ดลับความรู้ที่ดูแลและผ่อนคลายจิตใจแล้ว

 


 

ทรูยังให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายอย่างมากเช่นกัน ตั้งแต่การใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ เช่น จัดห้อง Nap ให้สำหรับพนักงานที่ต้องการมาพักผ่อนสมองและร่างกาย เพื่อความผ่อนคลายในช่วงพักระหว่างวันเป็นเวลาสั้น ๆ พร้อมเติมกำลังในการทำงานอย่างสดชื่น  หรือหากมีอาการเมื่อยล้าร่างกายก็มีบริการนวดเพื่อสุขภาพ หรือทำกายภาพบำบัดโดยผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่รักการออกกำลังกาย ให้ได้มาใช้ฟิตเนสในออฟฟิศ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่อื่นอีกด้วย เรียกได้ว่า ทรู จัดสวัสดิการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ และดูแลความเป็นอยู่และความสุขทั้งกายใจของพนักงานได้อย่างดีเยี่ยม

 

นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการที่ดูแลเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ผ่านบริการที่สะดวกด้วยการปรึกษาทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee เพราะเรื่องการดูแลสุขภาพใจเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพกาย

 

การทำงานที่เริ่มต้นด้วยจิตใจ และร่างกายที่ดี ถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะขับเคลื่อนให้ผลงานออกมาสำเร็จตามเป้าหมาย ฉะนั้นหมั่นเติมพลังใจ ทำให้ตัวเรามีความสุขเข้าไว้ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานต่อไปได้อย่างไร้ขีดจำกัดไปด้วยกัน

 

อ่านต่อ
จะนั่งทำงานที่ไหน ชาวทรูก็ใกล้ชิดกันได้ ผ่าน True Connect
True Blog 30 ก.ย. 2565

การระบาดของโควิด-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ หลายองค์กรเริ่มจากปรับเปลี่ยนให้พนักงานทำงานจากบ้าน (Work From Home) และยกระดับสู่การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) จนทุกวันนี้กลายเป็นการทำงานวิถีใหม่ที่หลาย ๆ องค์กรมีทางเลือกให้พนักงานทำงานในรูปแบบ Hybrid Work โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศทุกวัน

 

การที่พนักงานสามารถทำงานจากสถานที่ต่าง ๆ ได้ กลายเป็นความท้าทายของฝ่ายบุคคล หรือ  HR ที่จะต้องคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้พนักงานสามารถทำงานได้ราบรื่นที่สุด อีกทั้งยังต้องเชื่อมโยงพนักงานให้ติดต่อประสานงานกันได้ง่าย และยังรู้สึกใกล้ชิดกับองค์กรเช่นเดิม ในสถานการณ์เช่นนี้ เทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้ HR สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับความคาดหวังของพนักงานทุกคนในองค์กร 

 

 

Mobile Application เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงการสื่อสารและการทำงานของพนักงานในองค์กรได้อย่างรวดเร็ว เอื้อให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้จากทุกที่และทุกเวลา ตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid Work ได้เป็นอย่างดี ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลก้าวล้ำไปมาก Mobile Application ก็สามารถพัฒนาให้มีฟังก์ชันหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรได้มากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นเสมือนศูนย์กลางการทำงาน ที่ทั้งรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สร้างระบบมอบหมายงานและอนุมัติงาน รวมถึงเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างกันของพนักงานทุกคน 

 

 

HR ยุคใหม่ในแบบทรู ดูแลพนักงาน สร้างความผูกพัน ผ่านแอปพลิเคชัน True Connect

 

 

ทรู ได้ทรานสฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัล ก้าวสู่เทคคอมปานีเต็มรูปแบบ  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ โดยมีการวางแผนและเตรียมความพร้อม มุ่งเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างรอบด้าน ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนงาน และมีพนักงานเป็นเสมือนหัวใจที่ขับเคลื่อนให้องค์กรประสบความสำเร็จ ทรูจึงเน้นการพัฒนาคน ควบคู่กับการให้ความสำคัญเรื่องการดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างสิ่งแวดล้อมที่สามารถเติมเต็มความรู้และทักษะแก่พนักงานจนเต็มศักยภาพ 

 

 

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ทรูได้นำมาดูแลพนักงานอย่างใกล้ชิด คือ แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “True Connect” ซึ่งทำหน้าที่เป็น เหมือน Super App ที่รวมทุกบริการที่พนักงานทรูจำเป็นต้องใช้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยสามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

 

 

ฟีเจอร์การใช้งานของ True Connect เรียกได้ว่า ครบ จบ ในแอปเดียว ที่สำคัญ คือ มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดของข้อมูล ตัวอย่างฟีเจอร์เด่นที่พนักงานนิยมใช้งาน ได้แก่ Chat ที่ช่วยให้สื่อสารกันได้สะดวกผ่านการพิมพ์ข้อความ โทร วิดีโอคอล ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม รวมถึงการส่งภาพ แชร์ไฟล์ ที่ดูย้อนหลังได้และไม่มีหมดอายุ  People  รวบรวมข้อมูลการติดต่อพนักงานทุกคนทั้งบริษัทไว้ในที่เดียว โดยสามารถค้นหาเพื่อนร่วมงานหรือติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้สะดวกมาก Portal รวบรวมระบบและเว็บไซต์อื่น ๆ ขององค์กรเอาไว้ เพื่อให้เข้าถึงสะดวก ไม่ต้องเข้าผ่านช่องทางอื่น  Form แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ ที่สะดวกต่อการอนุมัติงานต่าง ๆ จากระบบ พร้อมกับลดการใช้กระดาษ เป็นต้น

 

 

นอกจากนี้ พนักงานทุกคนยังเข้าถึงบริการ HR Services ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สิทธิ์วันลา การขอสลิปเงินเดือน ใบรับรองการทำงาน  การเบิกค่ารักษาพยาบาลประกันสังคมและประกันสุขภาพ ไปจนถึงการรับสิทธิพิเศษ และโปรโมชั่นสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อพนักงานในกลุ่มทรู เรียกได้ว่า พนักงานทุกคนสามารถติดต่อบริษัทและเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม 

 

 

รางวัล “HR Excellence Awards 2021” บทพิสูจน์องค์กรแห่งความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล

 

 

ทรูนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนงาน ควบคู่กับ การดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกมิติ ด้วยความเชื่อว่า “คน” เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญขององค์กร สะท้อนความสำเร็จด้วยรางวัล “HR Excellence Awards 2021” ระดับ Gold สาขาความเป็นเลิศด้านการนำนวัตกรรมมาใช้ในเทคโนโลยีการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Excellence in Innovative Use of HR Tech) ในฐานะองค์กรที่มีการนำนวัตกรรมเทคโนโยดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการบริหารจัดการบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีด้านดิจิทัลให้แก่พนักงาน อันเป็นการเสริมสร้างและสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วขององค์กรและธุรกิจในรูปแบบของ Digital Transformation โดยทรูเป็นองค์กรสื่อสารโทรคมนาคมไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัล “HR Excellence Awards 2021” สูงสุดถึง 9 สาขา ประกอบด้วย 2 รางวัลระดับ Gold และ 3 รางวัลระดับ Silver รวมทั้งได้รับการรับรองความเป็นเลิศในระดับประเทศอีก 4 สาขาจากสถาบัน Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์  

 

 

 

 

สรุปข้อดีของการนำ Mobile Application มาใช้ในกลุ่มพนักงาน 

 

 

  • เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา พนักงานสามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้การทำงาน การติดต่อสื่อสารกับคนในองค์กรเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น รวมถึงการเข้าถึงสวัสดิการของตัวเองได้อย่างง่ายดาย 
  • ทำงานได้เร็ว ลดความซ้ำซ้อน การรวมระบบงานต่างๆไว้ในแอปพลิเคชัน ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานรูปแบบเดิม รวมถึงเป็นการลดการใช้กระดาษได้อีกด้วย
  • สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานได้ง่ายขึ้น เมื่อพนักงานทุกคนสามารถรับข่าวสาร ข้อมูลสำคัญ พร้อมติดต่อสื่อสารกันได้ผ่านแอปพลิเคชันที่เป็นศูนย์กลางขององค์กร เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน ทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ส่งผลต่อความรู้สึกผูกพันต่อเพื่อนร่วมงาน เพื่อนพนักงาน และองค์กรได้มากขึ้น
  • เก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัยสูงสุด การสื่อสารหรือส่งเอกสารสำคัญต่างๆในการทำงานผ่านแอปพลิเคชันภายในองค์กรจะเป็นการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลภายในองค์กร อีกทั้งยังมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญถูกจัดเก็บไว้ในบริษัทด้วยระบบที่มีการดูแล ปกป้อง และคุ้มครองข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงสุด 

 

 


ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนต่างใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันกันแทบทุกเจเนอเรชัน  Mobile Application จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารผ่านออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกในการสื่อสาร และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กร อีกทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ดิจิทัล สร้างความผูกพันให้ทีมงาน เพื่อนร่วมงาน และองค์กร ใกล้ชิดกันได้มากขึ้น ไม่ว่าจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหนก็ตาม

 

อ่านต่อ
Say No to Plastic Bottles ปรับชีวิต เปลี่ยนโลกให้น่าอยู่
True Blog 15 ก.ย. 2565

นับตั้งแต่วันที่ขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่มผลิตขึ้นมา โลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไป

 

การบริโภคเครื่องดื่มจากขวดพลาสติกนั้นแสนสะดวกสบาย ยอดขายเครื่องดื่มบรรจุขวดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการผลิตขวดน้ำพลาสติกที่สูงขึ้นอย่างมหาศาล เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค และในที่สุดก็เป็นการสร้างขยะขวดพลาสติกที่กลายเป็นปัญหาสะสมมาเนิ่นนานอย่างที่ชาวโลกไม่รู้ตัว

ลองสังเกตง่าย ๆ ถ้าวันนี้เรากระหาย อยากดื่มเครื่องดื่มเพิ่มความรู้สึกสดชื่น เราก็มักจะเดินไปที่ร้านค้า หยิบน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มบรรจุพลาสติกขึ้นมาแล้วเดินไปจ่ายเงิน ก่อนเปิดดื่ม และทิ้งขวดเหล่านั้นไปโดยอัตโนมัติ หนึ่งคำถามฉุกคิดคือ เราเคยย้อนมองกันไหมว่า ที่ผ่านมา เราทิ้งขวดพลาสติกกันมานานและมากแค่ไหนแล้ว และจุดหมายปลายทางของขวดพลาสติกเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ทำไมทุกวันนี้เราถึงได้เห็นภาพขยะขวดพลาสติกและขยะอื่น ๆ กองกันเป็นภูเขาล้นโลก

 

 

การหลั่งไหลของพลาสติก

 

 

ตั้งแต่มีการเริ่มผลิตพลาสติกในช่วงทศวรรษที่ 20 มนุษย์เราได้ใช้ประโยชน์จากพลาสติกมากมาย และนำไปสู่ต้นกำเนิดของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ปูทางให้เกิดการผลิตสินค้าในปริมาณมหาศาล สินค้านับไม่ถ้วนที่เราใช้ในปัจจุบันต่างก็ต้องพึ่งพาบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อความปลอดภัย พร้อมความสะดวกในการขนส่งและการบริโภค ซึ่งรวมถึงขวดพลาสติกบรรจุน้ำดื่มและเครื่องดื่มที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นมาจนถึงปัจจุบัน

 


เมื่อวันเวลาผ่านไป สิ่งที่ตามมาจากความสะดวกสบายในการบริโภค คือขยะพลาสติกที่นับวันยิ่งล้นโลก ข้อมูลจาก Reuters ระบุว่า ในปี 2018 ปริมาณการใช้ขวดพลาสติกทั่วโลกในหนึ่งปีอยู่ที่ 481.6 พันล้านขวด ส่วนสถิติการใช้ขวดพลาสติกในประเทศไทยสูงถึงปีละ 4,000 ล้านขวด
รู้หรือไม่ว่า จำนวนขวดพลาสติกมหาศาลขนาดนี้ ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ทั้งหมด ขยะพลาสติกเหล่านี้จะยังคงอยู่บนโลกของเราไปเป็นร้อยปี กว่าจะย่อยสลายไปด้วยตัวเอง

 

 

 

 

เรื่องจริงของขวดน้ำพลาสติก

 

 

หลาย ๆ คนอาจคิดว่า ขวดพลาสติกบรรจุเครื่องดื่ม สามารถรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ได้ใหม่ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายประการที่ควรตระหนักให้มากขึ้น ลองมาดูข้อมูลน่ารู้เหล่านี้กัน

 

 

  • ขวดพลาสติกที่นำไปรีไซเคิลได้มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ขวดพลาสติกที่รีไซเคิลไม่ได้จะกลายเป็นขยะและฝังกลบอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้

  • ทุกวินาทีที่กำลังดำเนินไป จะมีขวดพลาสติกประมาณ 1,500 ขวดกลายเป็นขยะในบ่อฝังกลบหรือถูกโยนลงทะเล

  • ขวดพลาสติก PET 1 ขวด ใช้เวลาถึง 700 ปีจึงจะเริ่มย่อยสลาย เพราะแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยวัสดุธรรมชาติ ไม่ชอบพลาสติกที่มีสารพื้นฐานจากปิโตรเลียม  อาจกล่าวได้ว่า ขวดพลาสติกเหล่านี้อาจจะคงอยู่ตลอดไป

  • ร้อยละ 90 ของขยะในทะเลที่พัดพาขึ้นมาตามชายหาดหลายๆ แห่งคือขวดน้ำพลาสติก โดยเฉพาะฝาที่ตกค้างอยู่ตามหาดทรายและซอกหิน

  • แม้ว่าขวดพลาสติกจะนำไปรีไซเคิลได้ แต่กระบวนการรีไซเคิลต้องใช้พลังงานมหาศาล กลายเป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในบรรยากาศ



  •  
  •  

 

 

ทรู ร่วมปรับเปลี่ยน เพื่อโลกที่ดีกว่า

 

 

ทรู เป็นหนึ่งในองค์กรไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายด้านความยั่งยืน ใน 3 มิติ คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสังคม และมิติด้านสิ่งแวดล้อม โดยในด้านสิ่งแวดล้อม ทรูมีนโยบาย Net Zero Carbon โดยเฉพาะเรื่องการลดใช้พลาสติก ด้วยเป้าหมายลดการนำขวดพลาสติกเข้ามาในอาคารให้มากที่สุดจนเหลือเป็นศูนย์ ตอกย้ำความพร้อมเดินหน้าสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ด้วยความมุ่งมั่นลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2573 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายด้านความยั่งยืนของทรู

 

 

ทรูได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ด้วยความกล้าคิด กล้าทำ และใส่ใจสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุด พร้อมดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงานทรู ควบคู่ไปกับการส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้สังคม และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หนึ่งในนั้นคือโครงการ Say No to Plastic Bottles

 

 

ดื่มน้ำกรอง RO สุดสะอาด ร่วมกัน Say No to Plastic Bottles

 

 

ทรู รวมพลังพนักงานร่วมกัน ลด ละ เลิกการใช้ขวดน้ำพลาสติก โดยหันมาพกแก้วน้ำและขวดน้ำส่วนตัวมาที่ออฟฟิศ เพื่อบรรจุน้ำกรองที่มีความบริสุทธิ์สำหรับดื่ม ที่ทรูจัดเตรียมไว้ให้พนักงานโดยเฉพาะ ซึ่งก็คือ RO Water นั่นเอง

 

 

โดย ทรู เลือกใช้อุปกรณ์มาตรฐานสูง และกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สร้าง RO Water Plant เครื่องผลิตน้ำ RO + UV ด้วยกำลังการผลิต 24,000 ลิตรต่อวัน ผ่านมาตรฐาน NSF / ASME BPE ในห้องปลอดเชื้อ Class 100,000 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อผลิตน้ำดื่มคุณภาพสูงเทียบเท่าน้ำกลั่น  มีความบริสุทธิ์สูง ไว้ให้พนักงานได้บริโภคอย่างมั่นใจ และใช้ท่อสแตนเลส 316L ซึ่งเป็นเกรดทางการแพทย์สำหรับจ่ายน้ำไปยังตู้กดน้ำมากกว่า 60 จุดกระจายทั่วทุกชั้นในอาคารทรู ทาวเวอร์ 1 

 

 

 

 

พนักงานสามารถนำขวดหรือแก้วน้ำมาเติมน้ำดื่ม RO ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย แทนการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติก ซึ่งจากสถิติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขขยะประเภทขวดพลาสติกในอาคารทรู ทาวเวอร์ มีจำนวนเฉลี่ยปีละ 400,000 ขวด เมื่อพนักงานทรูร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ ใน 1 ปี จะสามารถลดขยะพลาสติกได้ถึง 409,404 ขวด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ถึง 53.54 ตัน 

 

 

RO Water Plant นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ทรูบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายในการลดการใช้พลาสติก ในขณะเดียวกัน ยังสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี สุขภาพที่ดี ให้แก่บุคลากรในองค์กรอีกด้วย

 

 

ตู้รีฟัน เปลี่ยนการทิ้งขวดพลาสติกเป็นพลังสร้างสรรค์

 

 

ส่วนใครที่เข้ามาติดต่ออาคารทรู หรือพนักงานที่ใช้ขวดน้ำดื่มพลาสติก ยังสามารถร่วมนำขวดพลาสติกแบบ PET ชนิดใส เช่น ขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำชา น้ำหวานต่าง ๆ มาหยอดคืนที่ Refun Machine หรือเรียกกันว่า ตู้รีฟัน ที่ทรูได้ติดตั้งไว้ที่บริเวณชั้น G อาคารทรู ทาวเวอร์ 1 เพื่อให้เครื่องตรวจสอบคิดเป็นแต้มสะสม เปลี่ยนการทิ้งเป็นพลังสร้างสรรค์ ทำให้การรีไซเคิลง่ายขึ้น เปลี่ยนขยะเป็นแต้มสะสม ไปแลกของรางวัลต่าง ๆ หรือร่วมบริจาคสำหรับทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ซึ่งขวดเหล่านั้นจะถูกนำไปย่อยสลายอย่างถูกวิธีต่อไป 

 

 

 

 

บางครั้งเรื่องราวใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ ก็เกิดขึ้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ส่งต่อกันให้เกิดเป็นพลังสร้างสรรค์ จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพียงแค่เริ่มต้นที่ตัวเรา คนละไม้คนละมือก็สามารถช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นได้ 

 

 

 

อ่านต่อ
Createch Living Space พื้นที่ออฟฟิศสุดสร้างสรรค์ ที่ตั้งใจออกแบบเพื่อความสุขของพนักงานทรูทุกคน
True Blog 19 ก.ค. 2565

เพราะชีวิตในวันทำงานแต่ละวันของหลายๆคน ใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน จะดีแค่ไหนถ้าวันที่มาทำงานที่ออฟฟิศก็เหมือนว่าเราอยู่ที่บ้าน จะเลือกนั่งทำงานอยู่ในพื้นที่ที่มองเห็นวิวดีที่สุดของอาคาร ล้อมวงคุยงานกับทีมได้แบบอิสระ แถมมีมุมผ่อนคลายให้พักสมองได้ตามใจต้องการ

 

เมื่อพฤติกรรมและวิถีการทำงานของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่ทำงานในฝันจึงไม่ใช่โต๊ะกั้นพาร์ทิชันจำกัดกรอบพื้นที่ หรือโต๊ะทำงานประจำที่ต้องนั่งทำงานทุกวันอย่างจำเจ โดยที่ผ่านมามีงานวิจัยมากมายระบุว่า การที่พนักงานได้ทำงานในบรรยากาศที่ผ่อนคลายนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น รวมทั้งเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างชัดเจน

 

ไม่น่าแปลกใจที่ออฟฟิศสวยงามทันสมัยในฝันของคนรุ่นใหม่กลายเป็นเทรนด์ที่องค์กรระดับโลกต่างพากันสร้างสรรค์ให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศของ Google, Apple, Lego หรือ Airbnb ที่ต่างก็เน้นความครีเอทีฟ และบรรยากาศสนุกสนาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน จนคล้ายเป็นบ้านหลังที่สอง

 

สำหรับในประเทศไทย ออฟฟิศในฝันของคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นจริงได้เช่นกัน โดยเฉพาะในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างกลุ่มทรู

 

ทรู ให้ความสำคัญเรื่อง People และดูแลพนักงานในทุกมิติอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่พนักงานทำงานที่ทรู ซึ่งพื้นที่ทำงานเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทรูสร้างสรรค์อย่างใส่ใจ เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ด้วยความเข้าใจที่แท้จริง โดยทรูได้รีโนเวทพื้นที่ออฟฟิศให้กว้างขวาง และทันสมัย ภายใต้แนวคิด Createch Living ให้พนักงานทรูทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศการทำงานอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน

 

ออฟฟิศที่ออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

 

Createch Living Space ของทรูเกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการเสริมสร้างการทำงานที่สนุก ผ่อนคลาย และเติมเต็มความคิดสร้างสรรค์ให้พนักงานทุกคน โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่มองเห็นได้เป็นรูปธรรมที่สุดนั่นคือ การออกแบบและตกแต่งออฟฟิศให้สวยงาม มีบรรยากาศแบบเปิดกว้าง เอื้อต่อการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ทุกวัน พร้อมไปกับการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งไปกว่านั้นคือ การรวบรวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการใช้ชีวิต เพื่อให้ออฟฟิศแห่งนี้เป็นเสมือนบ้านที่น่าอยู่ของทุกคน
 

และที่สำคัญ ก่อนที่จะออกแบบ Createch Living Space ต้องผ่านการเก็บข้อมูล Insight ความต้องการของพนักงาน และนำมาเป็นโจทย์เพื่อออกแบบให้ตรงความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง

พื้นที่ทำงานในแต่ชั้นจึงถูกเปลี่ยนโฉม เปิดมุมดีที่สุดและสวยที่สุดให้เป็นพื้นที่ทำงานที่พนักงานทุกคนสามารถเลือกใช้ได้อย่างอิสระ เน้นการตกแต่งที่สวยงามสบายตา ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย และพรั่งพร้อมด้วยกิจกรรมและสันทนาการที่ช่วยให้พนักงานได้ทำงานพร้อมกับสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
 
จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเดินลงบันไดที่เชื่อมต่อกันระหว่างชั้น ก็จะได้เห็นบรรยากาศการทำงานสุดครึกครื้น เสียงสนทนาเคล้าเสียงหัวเราะ พร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขในการทำงานของคนที่นี่ได้อย่างแท้จริง 
 
ถึงตอนนี้จะพาไปสำรวจออฟฟิศที่ออกแบบและสร้างขึ้นจากความรัก ความเข้าใจ และความใส่ใจ ที่ทรูมีให้พนักงานไปด้วยกัน
 

นั่งทำงานในบรรยากาศไม่ซ้ำ เพราะทุกชั้นตกแต่งในธีมที่ต่างกัน

 
แค่เลือกที่นั่งก็ทำงานก็สนุกแล้ว! ทุกคนเลือกที่นั่งทำงานในบรรยากาศแบบห้าวันไม่ซ้ำกันได้ เพราะ Createch Living Space ตกแต่งในธีมที่แตกต่างกันทุกชั้น เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เปลี่ยนบรรยากาศเลือกที่นั่งได้ตามความชอบ ถือเป็นแรงจูงใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี 
 
เช้าวันจันทร์ที่อยากเพิ่มความแปลกใหม่ให้วันทำงานสักนิด อาจจะเลือกชั้นธีมโรงภาพยนตร์ ที่เพียงเดินเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโรงภาพยนตร์สุดคลาสสิก ที่ล้อมรอบด้วยเบาะหนังสีแดงสไตล์วินเทจ ช่วงบ่ายมีประชุมก็หลบมุมไปคุยงานกันใน Mini Theater ก็ยังได้
 
 
เข้าออฟฟิศวันต่อไปอาจจะเลือกนั่งทำงานบนเก้าอี้จักรยานพร้อมโต๊ะวางแล็ปท็อป ทำงานไป ปั่นออกกำลังกายไป หรือจะเลือกนั่งบนกระเช้าชิงช้ารังนก เพื่อสร้างอารมณ์สุดผ่อนคลาย ไม่จำเจก็ได้  เรียกว่าเป็นพื้นที่ทำงานที่สนุกแปลกใหม่จริงๆ  และที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะนั่งทำงานที่มุมใด ชั้นไหน WiFi ก็เร็วแรงและเสถียร ช่วยให้ทุกคนทำงานและสื่อสารกันได้อย่างไม่มีสะดุด
 
 
เมื่อลองเดินสำรวจพื้นที่ทำงานอีกนิด ก็จะเห็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของออฟฟิศนี้ นั่นก็คือ ห้องประชุมที่มาในธีมสุดสุดสนุกมากมาย ที่ขอยกตัวอย่างห้องประชุมที่น่าประทับใจสักสองห้อง ห้องประชุมแรกเข้ากับเทรนด์ท่องเที่ยวมาก ๆ  ขอเรียกว่าเป็น ห้องประชุมชาวแคมปิง ที่เก้าอี้ทุกตัวในห้องนี้เป็นเก้าอี้สนามสำหรับแคมปิงทั้งหมด ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทำงานไปชิลไปได้ เหมือนออกมาทำงานนอกสถานที่
 
 
อีกหนึ่งห้องที่ต้องพูดถึงคือ ห้องประชุมสระว่ายน้ำ ที่เป็นห้องกระจกใส ปูพื้นกระเบื้องมันเงาในโทนสีฟ้าตั้งแต่พื้นถึงเพดาน เมื่อแหงนหน้ามองบนฝ้าจะเห็นการประดับประดาด้วยวัสดุระยิบระยับคล้ายผิวน้ำ แถมมีราวอลูมิเนียมที่ขอบสระและห่วงยาง เหมือนเรากำลังนั่งทำงานอยู่ที่ใต้น้ำจริงๆ 
 
ห้องประชุมแต่ละห้องนอกจากจะเน้นความสวยแปลกใหม่ ยังพรั่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี ที่มีทั้งจอขนาดใหญ่สำหรับต่อกับแล็ปท็อป ลำโพงขยายเสียง อุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุด
 

พื้นที่โล่ง เปิดมุมมอง เปิดหัวใจ สนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกัน

 

เพราะพื้นที่เปิดโล่ง ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นกันและกันได้ เดินไปมาหากันได้ง่าย ช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของ Createch Living Space จึงออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโล่งและเป็นพื้นที่กว้างในสไตล์ Co-working Space ที่พนักงานหลากหลายทีมหรือแผนกมานั่งทำงานหรือประชุมร่วมกันได้ไม่จำกัด เปิดโอกาสให้คนในบริษัทได้เห็นหน้าค่าตากัน สร้างความสัมพันธ์กันได้อย่างกว้างขวาง
 
เมื่อเดินชมตามชั้นทำงานต่าง ๆ ก็จะมุมไวท์วอร์ดแทรกตัวอยู่ในพื้นที่ทำงานเสมอ อุปกรณ์เรียบง่ายที่เห็นกันชินตานี่แหละคือสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศของการแชร์ความคิดเห็น ระดมสมอง ปรึกษาหารือ และทำงานด้วยกันอย่างสร้างสรรค์
 
 
นอกจากนี้ แต่ละชั้นยังเชื่อมต่อกันด้วยบันได ที่เดินขึ้นลงผ่านโถงสูงเปิดโล่งแบบดับเบิลสเปซ ซึ่งมีข้อดีหลากหลาย นอกจากจะส่งเสริมให้พนักงานติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนมุมมองและพบปะกันและกันได้อย่างง่ายดายแล้ว การให้พนักงานเดินไปมาระหว่างชั้นได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ยังช่วยลดใช้พลังงานไฟฟ้าจากการใช้งานลิฟต์ อีกทั้งยังลดการใช้ไฟแสงสว่าง ด้วยพื้นที่โถงสูงระหว่างชั้นที่ออกแบบให้เป็นกระจกใส เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแสงธรรมชาตินี้ยังมีผลดีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานด้วย โดยมีงานวิจัยจากศูนย์วิเคราะห์การออกแบบเชิงสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย Cornell ระบุว่าพนักงานที่ได้ทำงานในออฟฟิศที่เปิดรับแสงจากธรรมชาติมีอาการตาล้า ปวดหัว อาการไมเกรนที่ลดลงถึง 84 เปอร์เซนต์
 

ใกล้ชิดธรรมชาติ เพิ่มความสดชื่น ผ่อนคลาย สบายตา

 

สภาพแวดล้อมแบบธรรมชาติช่วยให้คนทำงานลดความเครียดได้ Createch Living Space จึงมีต้นไม้หลากหลายชนิดประดับอยู่ในมุมต่างๆ เพิ่มความสดชื่น มอบความสดใส ไม่ว่าจะเป็นไม้กระถางที่อวดความเขียวขจีสบายตาระหว่างโต๊ะทำงาน หรือจะเป็นไม้ใบที่แขวนอยู่ตามผนังและเพดาน ถ้าอยากจะสังเกตถึงการเติบใหญ่ของผักสวนครัวต้นเล็กน่ารักก็มีให้ชมกันได้ที่แปลงปลูกผักเช่นกัน ที่สำคัญคือสามารถเก็บไปรับประทานได้ด้วย
 
 
นอกเหนือจากนำสีเขียวสบายตาเข้ามาปลอบประโลมกายใจแล้ว การจัดพื้นที่แบบเปิดโล่งให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คนทำงานได้สัมผัสกับธรรมชาติรอบตัวเช่นกัน Createch Living Space จึงโดดเด่นด้วยกระจกหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ และเอื้อให้เห็นมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกสุดลูกหูลูกตา ที่คัดมาแล้วว่าป็นวิวที่ดีและสวยที่สุดของอาคาร เพื่อมอบเป็นของขวัญให้พนักงานทุกคน 
 
ดังนั้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ จนเหนื่อยล้า ก็หยุดพัก เงยหน้าจากจอแล้วมองไปไกลๆ นอกหน้าต่างกระจกใส พักตา ปล่อยใจ ให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด ก่อนกลับมาทำงานต่อด้วยความสบายใจได้ทั้งวัน
 

จัดมุมสงบ สำหรับหลบมาโฟกัสงาน

 
งานหลายอย่างต้องใช้สมาธิในการคิด ไตร่ตรอง หรือแก้ปัญหา พื้นที่สงบจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นนอกเหนือจากพื้นที่กลางแล้ว ใน Createch Living Space ยังจัดสรรหลายมุมเงียบๆ ไว้ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมุมโต๊ะทำงานที่มีผ้าม่านปิด สำหรับการโฟกัสงานที่ต้องใช้สมาธิมาก หรือห้องทำงานขนาดเล็กที่เป็นเหมือนตู้โทรศัพท์ สำหรับนั่งทำงานเงียบๆ หรือติดต่องานที่ไม่อยากให้เสียงพูดคุยรบกวนคนอื่นๆ ได้เช่นกัน
 
การตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายนับเป็นการใส่ใจในทุกรายละเอียดของการทำงานอย่างแท้จริง
 
 

เพิ่มความสนุก กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ไม่รู้จบ

 

เพราะความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้เกิดจากการนั่งเครียดอยู่ที่เดิมทั้งวัน กิจกรรมเพิ่มความสนุกช่วยให้คนทำงานหลุดไปจากงานตรงหน้าสักพัก และช่วยปลุกจินตนาการได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า ออฟฟิศแห่งนี้มีมุมสนุกมากอย่างเหลือเชื่อ
 
ใครอยากสนุกแบบย้อนวัย มาหลบมุมปล่อยใจทะยานไปเกมรถแข่งได้เต็มที่ เพราะที่นี่จัดเครื่องเล่นชุดใหญ่ไว้ให้ หรืออยากสนุกแบบคลาสสิกก็ต้องตู้เกม Pac Man ไล่กินจุดสุดเพลิน และถ้าอยากมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องชวนมาเล่นเกมโต๊ะบอลมือหมุน รวมตัวกันเล่นพูล หรือจะตีปิงปองก็ย่อมได้
 
 
 
ส่วนคนรักเสียงดนตรีต้องมีว้าว! ที่นี่มีห้องดนตรีที่จัดเต็มให้ทั้งกลอง เบส กีตาร์ คีย์บอร์ด ที่บรรเลงเพลงกันได้เต็มที่ในห้องเก็บเสียง เอาเป็นว่า พักเบรคหรือก่อนกลับบ้านมารวมตัวเล่นเป็นวงดนตรีกันได้ทันที
 
 
อีกหนึ่งมุมไฮไลต์ของ Createch Living Space ที่หลายคนต้องหยิบมือถือมาเก็บภาพคือ หน้าผาจำลองกลางออฟฟิศ ที่จัดไว้ให้ผู้ชอบความเร้าใจได้มายืดเส้นยืดสายท้าทายตัวเอง ซึ่งมุมนี้รับรองความสนุกพร้อมกับความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน โดยมีเจ้าหน้าที่แนะนำและดูแลใกล้ชิด 
 
สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเห็นในที่ทำงาน ทรูก็จัดให้พนักงานได้อย่างเหนือความคาดหมายจริง ๆ
 

บาลานซ์ชีวิตได้ดี แบบที่ท้องอิ่ม ทรงผมพร้อม อยากงีบนอนมีที่ให้พัก

 
ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ออฟฟิศแห่งนี้เป็นเสมือน “บ้าน” ทรูจึงจัดเต็มให้ทั้งชั้น 14 กลายเป็นพื้นที่ตามคอนเซ็ปต์ Living สำหรับ “การใช้ชีวิต” อย่างเต็มรูปแบบ
 
 
เรียกว่าชั้น 14 เป็นจุดรวมตัวของพนักงานทุกคนที่นี่ก็ว่าได้ เพราะเปิดเข้ามาก็จะพบกับร้าน True Coffee GO ที่พร้อมบริการเครื่องดื่มสุดสดชื่นตั้งแต่เช้าตรู่ มีกลิ่นกาแฟหอมๆ อบอวลไปทั่วพื้นที่ พร้อมกับที่นั่งพักดีๆ เหมือนได้ไปฮอปปิงคาเฟ่สุดชิค พอได้เครื่องดื่มแล้วก็เดินเลี้ยวไปไม่ไกล แวะร้าน 7-11 ไซส์มินิ ที่เป็นเหมือนแหล่งเสบียงอาหารได้  หิวเมื่อไหร่ ก็แวะมาเติมความอิ่มอร่อยได้ตลอดทั้งวัน 
 
 
ชั้น 14 มีอีกไฮไลต์น่าตื่นเต้น เพราะเดินไปอีกนิดก็จะเห็นห้องกระจกที่โดดเด่นด้วยแสงสีฟ้าคล้ายห้องทดลองวิจัยในหนังไซไฟ ห้องนี้โชว์นวัตกรรมของเครื่องกรองน้ำ RO ที่เชื่อมต่อกับจุดเติมน้ำทุกชั้นในอาคาร ซึ่งทุกคนสามารถมาแวะชมนวัตกรรม พร้อมเติมน้ำดื่มสะอาดมั่นใจได้ไปดื่มกันได้ฟรีอีกด้วย 
 
 
เมื่อเติมเสบียงพร้อม ท้องอิ่ม แล้วอยากจะจัดแต่งทรงผม เสริมความมั่นใจ ก็มีซาลอนเปิดให้บริการสระผมพร้อมจัดแต่งทรงผมสวยเป๊ะตั้งแต่เช้าถึงเย็น 
 
 
ยังไม่หมดเท่านี้ เรียกว่าที่นี่รู้ใจชาวออฟฟิศที่สุด ไม่ว่าใครเมื่อยล้า อยากนวดคลายอาการปวดตึงร่าง หรือคอบ่าไหล่ก็มีห้องนวด ที่มีพี่ๆ หมอนวดแสตนด์บายให้บริการพร้อม!
 
 
 
อีกเรื่องสุดเซอร์ไพรส์ที่เคยเห็นแต่ในออฟฟิศต่างประเทศ คือห้อง Nap ที่เปิดให้พนักงานมางีบหลับระหว่างวัน พักผ่อนสมองกันอย่างไม่ต้องเขินอาย ได้เวลาก็ตื่นพร้อมความสดชื่น มีแรงไปทำงานต่อได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีมุมห้องสมุดที่อัดแน่นด้วยหนังสือที่หลากหลาย พนักงานสามารถยืมไปอ่านเติมความรู้หรือเพื่อความบันเทิงได้ทุกเล่มด้วย เรียกว่าครบเครื่องเรื่องการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง
 

เรื่องสุขภาพสำคัญ! ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฟิตเนสเท่านั้น หมอกายภาพบำบัดก็มา

 
เทรนด์ที่มาแรงและดีต่อสุขภาพสุดๆ ในยุคนี้ก็คือเรื่องการออกกำลังกาย แน่นอนว่าทรูส่งเสริมให้พนักงานทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง โดยจัดฟิตเนสขนาดใหญ่ให้กันไปเลย 
 
โซนฟิตเนสที่นี่จัดให้ครบทั้งอุปกรณ์ เครื่องออกกำลังกาย ที่เราเห็นได้ในฟิตเนสชั้นนำ มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำหลังออกกำลังกาย อำนวยความสะดวกให้พนักงานไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่อื่น เรียกว่าใช้ชีวิตในออฟฟิศให้คุ้มค่า ก่อนทำงานหรือเลิกงานก็แวะมาฟิตแอนด์เฟิร์มได้ทันที 
 
 
สำหรับพนักงานที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม ออกกำลังกายแล้วก็ยังไม่หาย ทรูก็จัดห้องกายภาพบำบัด พร้อมเชิญแพทย์และผู้เชี่ยวชาญมาดูแลรักษาให้ถึงที่ และไม่ว่าจะเจ็บป่วยอะไรในขณะทำงานก็มีห้องพยาบาลและคุณหมอคอยดูแล
 
บอกได้เลยว่าที่นี่ดูแลเอาใจใส่พนักงานในทุกมิติอย่างแท้จริง
 
เพราะรัก...ทุกสิ่งเป็นจริงได้
 
การออกแบบและสร้างสรรค์ออฟฟิศในฝันให้เกิดขึ้นจริง และตอบโจทย์การทำงานอย่างอิสระ ให้คนรุ่นใหม่ได้ Work from Anywhere โดยไม่จำเป็นต้องนั่งประจำโต๊ะทำงานอีกต่อไป เพื่อมอบความสนุกและความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิต นับเป็นหนึ่งใน ‘การบอกรักพนักงาน’ ของทรู 
 
ด้วยความเชื่อมั่นเสมอมาว่า บุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน ทรูมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรอย่างเต็มกำลังในทุกมิติ พร้อมดูแลพนักงานให้ทำงานอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี สมกับเป็น People Organization อย่างแท้จริง
 
แม้ต้องทำในสิ่งที่เกินความคาดหมาย แต่ทรูทำทุกอย่างเกิดขึ้นจริงได้จากความรัก ความใส่ใจ และการให้สำคัญของพนักงานมาเป็นอันดับแรกเสมอ
 
ข้อมูลอ้างอิง prnewswire
อ่านต่อ