True 5G

Smart City เริ่มต้นที่นี่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานี 5G อัจฉริยะ เพื่อคนไทย
True Blog 21 มี.ค. 2566

ยุคนี้ หันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง 5G จนอดสงสัยไม่ได้ว่า 5G สำคัญกับกับชีวิตเรามากแค่ไหนกันนะ?

 

ความจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั่วโลกต่างพูดถึงเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายประสิทธิภาพสูงนี้ เพราะ 5G คือเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาช่วยพลิกชีวิตเราทุกคนได้ โดยยกระดับตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวันง่าย ๆ อย่าง
การอ่านฟีดบนหน้าเฟซบุ๊ก เล่นติ๊กต็อก ยูทูบ อัปไอจีสตอรี่ และสตรีมมิงได้เร็วทันใจ ไปจนถึงระดับมหภาค เรื่องของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมให้ดียิ่งขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้ 5G จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทุกประเทศจับตามอง และประเทศไทยก็ต้องก้าวให้ทันเช่นกัน ทรูจึงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G พร้อมเป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลสุดล้ำที่ผสมผสานเชื่อมโยงการทำงานผ่านเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ AI การเกษตรอัจฉริยะ รถยนต์อัตโนมัติ หรือแม้แต่เมืองในฝันอย่าง ‘เมืองอัจฉริยะ’ หรือ ‘Smart City’ ที่เราได้เห็นในนานาประเทศก็ล้วนเกิดขึ้นจริงได้ด้วย 5G เช่นกัน 

 

ตอนนี้ Smart City ในประเทศไทยได้เริ่มต้นแล้ว จากการนำเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G และ โซลูชัน 5G เข้าไปยกระดับภาคการคมนาคม เสริมศักยภาพในการให้บริการประชาชนและเพิ่มความปลอดภัย พัฒนาให้การคมนาคมขนส่งสะดวกล้ำสมัยกว่าเดิม ที่ ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’  

 

สถานีนี้นับเป็นก้าวแรกที่นำเทคโนโลยี 5G มาเป็นโซลูชันในการคมนาคมของคนไทยก็ว่าได้ จะน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน จะมีเทคโนโลยีสุดล้ำอะไรบ้าง คงต้องไปสัมผัสกันด้วยตัวเองแล้ว!

 

สถานีอัจฉริยะ 5G ความสะดวกที่จับต้องได้

 

เพราะ ‘การคมนาคม’ คือจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน ถ้ายกระดับการคมนาคมได้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้นด้วย ทรูจึงได้ร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปลี่ยนสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ให้เป็น ‘สถานี 5G อัจฉริยะ  (5G Smart Station)’ แห่งแรกในไทยและในอาเซียน 

 

ที่นี่ คนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะได้สัมผัสเทคโนโลยีเครือข่าย 5G อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เป็นความสะดวกสบายที่จับต้องได้จริงตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในสถานี อย่างแรกคือการใช้เครือข่าย 5G ที่เร็วแรง ติดต่อสื่อสารหรือใช้งานแอปพลิเคชันได้ทันใจ จะโทรหรือใช้งานดาต้าก็ไวมาก นอกจากนี้ยังพรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ เช่น ถ้าต้องการข้อมูลการเดินทางหรือความช่วยเหลือ ก็จะมี หุ่นยนต์ต้อนรับ SRT Bot คอยให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ทั้งการแสดงแผนผังของสถานี แสดงข้อมูลรายการเดินรถ โดยสามารถโต้ตอบได้แบบเรียลไทม์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เรียกว่าทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการเชื่อมต่อผู้คน ทั้งชาวไทยและผู้คนหลากหลายชาติที่เข้ามาใช้บริการ  พร้อมมอบการต้อนรับที่อบอุ่นและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน

 

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่แสดงถึงความเท่าเทียมในการใช้สถานีอัจฉริยะแห่งนี้ก็คือ รถเข็นอัจฉริยะ 5G Smart Wheel Chair ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานพร้อมให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพสร้างประสบการณ์เดินทางที่ดีและมีความปลอดภัยให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย

 

 

สำหรับการคมนาคมแล้ว ความสะดวกอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องปลอดภัยด้วย สถานีอัจฉริยะแห่งนี้มีระบบปัญญาประดิษฐ์ 5G AI Security เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดทั่วทั้งสถานี ผู้ใช้บริการทุกคนจึงเดินทางได้อย่างสบายใจแน่นอน ระบบแสนชาญฉลาดนี้สามารถวิเคราะห์วัตถุแปลกปลอม พร้อมตรวจจับพฤติกรรมบุคคลที่น่าสงสัยได้ และยังส่งสัญญาณแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหรือสั่งหยุดรถไฟในกรณีเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว หากมีผู้ใช้บริการเกิดอุบัติเหตุก็จะขอความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ ได้ทันที

 

โซลูชัน 5G ทั้งหมดนี้ สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยระบบ MEC หรือ Multi-access Edge Computing ซึ่งเป็นการวางโครงข่ายเทคโนโลยี 5G สุดล้ำสมัยทำให้ระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ภายในสถานีเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยของข้อมูลสูง ทั้งยังรองรับการต่อยอดโซลูชัน 5G ได้อีกหลากหลายในอนาคตด้วย

 

ถึงเวลาออกเดินทางสู่ Smart City 

 

ถึงแม้สถานี 5G อัจฉริยะ  จะเป็นเพียงหนึ่งในจิ๊กซอว์หลากหลายชิ้นสู่การเป็น Smart City เต็มตัว แต่หลายประเทศเลือกเริ่มต้นสร้าง Smart City ที่การคมนาคมเป็นอย่างแรก ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมากก็คือ เมืองกวางโจว ประเทศจีน ที่ได้นำ 5G มาใช้กับรถไฟความเร็วสูงทั่วเมือง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พร้อมประหยัดแรงงานและเวลา ทำให้ผู้คนกว่า 20 ล้านคนในเมืองเดินทางได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และรื่นรมย์ขึ้น จนได้รางวัลในเวทีโลกหลายรางวัล และหลังจากประสบความสำเร็จในการคมนาคมแล้ว กวางโจวยังเดินหน้าติดตั้งสถานีกระจายสัญญาณ 5G ไว้ทั่วเมืองเพื่อเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับเทคโนโลยีอย่างทั่วถึง

 

 

สถานี 5G อัจฉริยะ  ในไทยก็กำลังมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกับกวางโจวเช่นกัน ด้วยความสำเร็จของสถานีอัจฉริยะ ที่มีการใช้ประโยชน์ของเครือข่าย True 5G อย่างเต็มที่ สามารถใช้เป็นโมเดลเพื่อนำไปต่อยอดได้ แถมยังมีโอกาสสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการคมนาคมทั่วประเทศไทยได้ด้วย ในอนาคต เราอาจได้เห็นสถานีอัจฉริยะ 5G แบบนี้ตั้งอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และเชื่อมโยงกับอัจฉริยะอื่น ๆ ที่อยู่ภายนอกสถานี เช่น ระบบความปลอดภัยผ่านกล้องวงจรปิด ซึ่งในที่สุด เทคโนโลยี 5G ก็อาจจะนำประเทศไทยไปสู่ Smart City เต็มตัวได้ กลายเป็นเมืองที่สะดวกปลอดภัยสำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

 

ก้าวแรกของ 5G สู่อนาคตที่ดีกว่า

 

ถ้าอยากสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำและความสะดวกสบายของ Smart City ก็สามารถทดลองใช้บริการสถานี 5G อัจฉริยะ  ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ได้เลยวันนี้ เชื่อว่าสถานีนี้จะไม่ใช่แค่สร้างประสบการณ์ที่ดีเพื่อคนไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวที่เริ่มหลั่งไหลกลับมาเข้า และสร้างภาพความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับประเทศไทยได้แน่นอน

 

อ่านต่อ
ถ้าคุณได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
True Blog 29 มี.ค. 2565

โลกสองใบอาจจะกำลังเกิดขึ้นกับคุณก็ได้ นอกจากโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คุณอาจมีโลกอีกหนึ่งใบ นั่นก็คือ  Metaverse (จักรวาลนฤมิต) โลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โลกที่เปิดให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์และทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่ไซเบอร์ ผ่านตัวตนสมมติที่ถูกสร้างขึ้นซึ่งเรียกกันว่า อวตาร (Avatar) นั่นเอง
 

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของ Metaverse จะเห็นพัฒนาการตั้งแต่ยุคแรกสุด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1968 หรือ 54 ปีที่แล้ว โดยมีการคิดค้นและออกแบบอุปกรณ์ที่ชื่อว่า The Sword of Damocles ให้เป็นเครื่องสวมที่ใช้ครอบศีรษะพร้อมกับครอบตาในลักษณะคล้ายแว่นตาที่จำลองโลกเสมือนขึ้นมา และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ได้สัมผัสกับโลกเสมือน ถึงแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที แต่ก็ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย 
 

ปัจจุบันได้มีการพูดถึงเป็นประเด็นฮอตที่ทุกคนทั่วโลกให้ความสนใจกับโลกเสมือนอีกครั้ง เมื่อมีความเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น เมตา (Meta) เพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่โลก Metaverse เพราะเล็งเห็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างรายได้ในโลกเสมือนจริง จึงเป็นเรื่องที่คนทั้งโลกต่างตั้งคำถามมากมายว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหากเราได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse (จักรวาลนฤมิต)
 


สิ่งที่จะเปลี่ยนไป เมื่อเกิด Metaverse ขึ้นในโลกของเรา จะตรงกับที่คุณคิดไว้หรือเปล่า
 

ในปัจจุบันเริ่มมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถสร้างโลกเสมือนมาใช้ และเราสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ในอดีตคุณทำได้ยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่คิดว่าคนรุ่นใหม่น่าจะได้ร่วมสัมผัสกันในไม่ช้า คือ การนำเทคโนโลยี AR มาเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับการศึกษา เช่น วงการแพทย์ ได้มีการจำลองภาพเสมือนสำหรับการผ่าตัดขึ้น เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เครื่องจริงในการผ่าตัดโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้ระบุตำแหน่งการผ่าตัดได้แม่นยำถึง 85% และกำลังเป็นที่ยอมรับในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในวงการแพทย์มากขึ้น
 


ขยับมาสำหรับวัยทำงาน ชาวออฟฟิศทั้งหลายเริ่มคุ้นชินกับการประชุมออนไลน์กันแล้ว ในอนาคตหากมีการนำเทคโนโลยีสร้างโลก Metaverse ขึ้นมาได้จริง การประชุมของคุณจะมีความล้ำเหมือนในห้องแล็บที่หลุดจากภาพยนตร์เรื่อง Avengers แบบที่คุณสามารถคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างพื้นที่กันได้เหมือนกำลังยืนคุยกันซึ่งหน้า และยังสามารถเปิดไฟล์งานออกมาดูในรูปแบบของสามมิติ ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพและสนุกยิ่งขึ้น ตัดปัญหาการทำงานที่บ้านกับอาการเหงา คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่เจอเพื่อนร่วมงานไปได้เลย

 


ด้านวงการภาพยนตร์ เริ่มมีการนำเนื้อหาเกี่ยวกับ Metaverse มาสร้างสรรค์ให้คุณได้รับชมกันมากขึ้น หลายคนอาจจะเคยชม Ready Player One (2018) ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เล่นเกมและใช้ชีวิตมีตัวตนที่แตกต่างจากความเป็นจริงในโลกเสมือน หรือล่าสุดกับภาพยนตร์เรื่อง Spider man : No Way Home (2021) ที่พูดถึงการเชื่อมต่อโลกจากหลากหลายมิติเข้าไว้ด้วยกัน โดยเรียกว่า ‘จักรวาลมัลติเวิร์ส’ ซึ่งใกล้เคียงกับโลก Metaverse ในเรื่องการเชื่อมต่อของคนจากหลายพื้นที่เข้าหากัน ภาพยนตร์จึงเป็นอีกสื่อหนึ่งที่ทำให้คุณได้เข้าใจโลก Metaverse  ได้มากขึ้นก่อนที่เราจะได้สัมผัสกับของจริงในอนาคต เชื่อว่าขณะที่คุณกำลังดูภาพยนตร์อยู่คงสงสัยกันบ้างว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ บอกได้เลยว่าถ้า Metaverse ได้เกิดขึ้นเรื่องเหล่านั้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
 

วงการเพลงก็ไม่พลาดที่จะหยิบเรื่อง Metaverse มาสร้างสีสันให้กับงานของศิลปิน ล่าสุด Ariana Grande ได้จัดคอนเสิร์ตผ่านเกม Fortnite ในซีรีส์คอนเสิร์ต Rift Tour ซึ่งแฟนๆ จะสามารถเข้าชมคอนเสิร์ตได้ผ่านตัวละครเกมที่ถูกสร้างขึ้น ทำให้การจัดคอนเสิร์ตนั้นเหนือจินตนาการ ศิลปินจะเหาะเหินเดินบนอากาศ หรือเปลี่ยนเวทีให้ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ย่อมได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้ในโลกความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ศิลปินตัวจริงก็ตาม แต่ก็สามารถเติมเต็มความคิดถึงให้กับแฟนเพลงได้ไม่น้อยเลย เพราะทำให้คุณได้ใกล้ชิดศิลปินเข้าไปอีกขั้น นับเป็นมิติใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการเพลงและกำลังเป็นที่นิยมของศิลปินต่างชาติด้วย อย่างสาวๆ เคป๊อปวง ‘Aespa’ ที่มีการสร้างคาแรคเตอร์ของวงจากตัวละครในโลกเสมือน เพื่อสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจให้แฟนๆ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ส่วนในประเทศไทยของเราก็ไม่น้อยหน้าใคร ตอนนี้มีสตูดิโอเสมือนแล้วด้วย อย่างทรู 5G XR Studio ล้ำสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดได้ชวนศิลปินที่มียอดสตรีมสูงสุดบนยูทูปไทย ‘มนต์แคน แก่นคูน’ มาทำโชว์สุดพิเศษในรูปแบบมุมมองอัจฉริยะ 360° กับรายการ TRUE 5G MUSIC X MONKAN จัดเต็มให้แฟนๆ ได้ตื่นตาอย่างจุใจ
 


ยังมีอีกหลายวงการที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งด้านสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีมาสร้างงานให้เห็นเป็นภาพเสมือนจริงได้ก่อนลงมือ ทำให้การคำนวณแม่นยำยิ่งขึ้น ภาคอุตสาหกรรมที่วิศวกรใช้ AR ในการดูแลซ่อมบำรุงเครื่องจักร จากเดิมที่ดูเป็นงานหินสำหรับเครื่องจักรชิ้นใหญ่ ตอนนี้ทำได้สะดวกมากขึ้น หรือแม้กระทั่งโลกของแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำที่หันมาทำสกินหรือชุดของตัวละครในเกม ซึ่งนอกจากจะลดการทำลายสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ต้องตัดเย็บจริงแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้มหาศาล จะเห็นได้ว่าหลายๆ วงการต่างก็เริ่มก้าวเข้าสู่โลกของ Metaverse กันแล้ว
 


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้  แต่หลายคนอาจยังมีคำถามในใจว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ  หากมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อนที่โลกของเราจะเจอวิกฤตโรคระบาด ณ ตอนนั้นยังไม่มีใครเคยคิดว่าจะสามารถทำงานแบบ Work From Home ได้รอด เพราะต้องติดต่อสื่อสารกันผ่านออนไลน์อย่างเดียว แต่ปัจจุบันการทำงานที่บ้านกลายเป็นสิ่งปกติใหม่ของหลายๆ องค์กร พร้อมไปกับการปรับวิถีชีวิตอีกหลายอย่าง  โลก Metaverse ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน การที่เราจะก้าวเข้าสู่โลกนั้นได้อย่างเต็มตัว  คงจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที  ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนวิถี รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง  คำถามต่อมาคือ แล้ว Metaverse จะสามารถเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับอะไรบ้างล่ะ
 

‘โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และระบบนิเวศดิจิทัล’ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันโลก Metaverse ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่โลก Metaverse ได้ตลอดเวลา ทั้งยังทำให้การรับส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันและมีเสถียรภาพ กล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตทำให้ทุกคนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ ข้อมูล และความบันเทิงต่างๆ มากมาย การเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา เป็นพลังสำคัญที่จะเปิดประตูให้เราได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ไปพร้อมกัน 

 

ทรู 5G อีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนที่จะสนับสนุนให้ทุกคนก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ได้
 

ในยุคนี้ที่ Metaverse กำลังเกิดขึ้นเหมือนเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของโลกออนไลน์ ที่ตอนนี้สามารถนำหลากหลายเทคโนโลยีมารวมกันไว้ได้ ทำให้ทุกคนสามารถทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ได้ผ่านการใช้ 5G และอินเทอร์เน็ตที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์เราก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ได้นั่นเอง และทรูในฐานะผู้นำบริการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลครบวงจร จึงได้นำศักยภาพพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่ครอบคลุมที่สุดในไทย เร็วแรง และครบกว่า เพื่อทำให้การเชื่อมต่อนั้นนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรูมุ่งมั่นพัฒนาอยู่เสมอ นอกเหนือจากนั้น ทรูยังได้เปิดประสบการณ์ให้กับคนที่อยากลองสัมผัสกับโลกเสมือนจริง ซึ่งสามารถไปชมได้ที่ True 5G Worldtech X มิติใหม่แห่งนวัตกรรม 5G เนรมิตพื้นที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ทุกคนได้สัมผัสนวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านการถ่ายทอดด้วยเทคโนโลยี  XR Glass ในโลกเสมือนจริงสุดล้ำ และเอ็นจอยกับโลก Metaverse ได้อย่างที่ต้องการ
 


 


ถ้าคุณกำลังนึกถึงอะไรก็ตามที่เหนือจินตนาการมากกว่าที่เราได้เล่ามาทั้งหมด ตอนนี้ก็เตรียมตัวให้พร้อมรับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ไปพร้อมๆ กันได้เลย

อ่านต่อ