Innovation

เกษตรไทยไปไกลได้อีก! ก้าวสู่เกษตร 5G พร้อมดิจิทัลโซลูชัน ทรู ฟาร์ม
True Blog 09 มี.ค. 2566

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้เข้ามาพลิกชีวิตผู้คนและธุรกิจทุกวงการ รวมไปถึงภาคเกษตรกรรม ที่แต่เดิมต้องอาศัยปัจจัยทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาสู่ยุค 5G ความล้ำหน้าของเทคโนโลยีทำให้เกิดเทรนด์โลกที่เรียกว่า ‘Smart Farming’ หรือการเกษตรอัจฉริยะ

 

ในหลายประเทศ เทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเกษตรกรไปแล้ว อย่างเกษตรกรชาวเกาหลีใต้ เรียกได้ว่าเป็น Tech-Savvy ตัวจริง ก็มีสตรอว์เบอร์รี่เกาหลีที่เป็นของฝากยอดฮิตซึ่งเป็นผลผลิตของ Smart Farming โดยใช้ AI วิเคราะห์และสร้างสภาพแวดล้อมฟาร์มที่ดี และใช้ Big Data วางแผนการเกษตร ไปจนถึงใช้โดรนรดน้ำใส่ปุ๋ย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ควบคุมได้ง่าย ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน หรือในไต้หวันก็ไม่น้อยหน้า เตรียมนำอุปกรณ์ทุ่นแรงที่สวมใส่ได้มาใช้แก้ปัญหาเกษตรกรที่อายุมากขึ้น โดยอุปกรณ์นี้ช่วยให้ยกของได้หนักขึ้นถึง 9 กิโลกรัม!

 

วงการเกษตรกรรมไทยเองก็กำลังก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน หลากหลายบริษัทเทคและสตาร์ทอัพเริ่มหันมาจริงจังกับเทคโนโลยีการเกษตร รวมถึงกลุ่มทรู ที่ได้ริเริ่มดิจิทัลโซลูชัน นำเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ทั้ง IoT, Robotics,  AI และ Analytics เข้ามาขับเคลื่อน Smart Farming ในไทยอย่างเต็มที่ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาก้าวสู่ ‘ยุคเกษตร 5G’ ไปด้วยกัน

 

 

รู้จัก ทรู ฟาร์ม มิติใหม่ของเกษตรกรรมไทยในยุค 5G

 

ถึงเวลาเปิดโลกเกษตรกรรมไทย เพื่อส่องดูว่ามีพื้นที่ตรงไหนที่เทคโนโลยีเข้าไปช่วยเติมเต็มได้บ้าง ถ้าลองมองภาพใหญ่แล้ว จะเห็นว่าเป้าหมายของเกษตรกรส่วนใหญ่คือ ต้องการลดต้นทุน ทุ่นแรง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มผลผลิต ที่สำคัญคือ การรับมือได้ดีขึ้นกับอุปสรรคที่มาทำลายผลผลิต จุดนี้เอง คือพื้นที่ว่างที่เทคโนโลยี Smart Farming จะเข้ามาช่วยเสริมได้

 

ทรู ดิจิทัล มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างตรงจุด จึงได้คิดค้นโซลูชัน ‘ทรู ฟาร์ม’ (True Farm) เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะครบวงจรขึ้นมา  โดยพัฒนาภายใต้แนวคิดแนวคิด ‘การเกษตรแม่นยำ’ (Precision Farming) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเกษตรกรรมไทย แนวคิดการเกษตรแม่นยำนี้จะใช้วิธีเก็บข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์เชิงลึก ทำให้สามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้ตรงจุด พร้อมวางแผนการเกษตรล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำเหลือเชื่อ

 

เบื้องหลังความสำเร็จของ ทรู ฟาร์ม ก็คือเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เร็วแรง และมีความเสถียรสูง สามารถรับและส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ที่สำคัญคือ มีการออกแบบให้ ทรู ฟาร์ม ใช้งานง่าย ถึงแม้ไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีก็ใช้งานได้ จึงตอบโจทย์เกษตรกรทุกคนในการเกษตรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เกษตรพืช หรือ ปศุสัตว์

 

เบื้องหลังความสำเร็จของ ทรู ฟาร์ม ก็คือเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เร็วแรง และมีความเสถียรสูง สามารถรับและส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ที่สำคัญคือ มีการออกแบบให้ ทรู ฟาร์ม ใช้งานง่าย ถึงแม้ไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีก็ใช้งานได้ จึงตอบโจทย์เกษตรกรทุกคนในการเกษตรทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เกษตรพืช หรือ ปศุสัตว์

 

โซลูชันเพื่อลดต้นทุน แต่เพิ่มพูนผลผลิต

 

ในช่วงที่ต้นทุนต่าง ๆ ทยอยขึ้นราคา ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย น้ำ หรือยาที่ใช้กับพืช หัวใจสำคัญคือ การบริหารจัดการทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าหากใช้ทุกอย่างได้คุ้มค่า ก็จะลดความสิ้นเปลือง และตัดต้นทุนที่ไม่จำเป็นได้มากกว่าที่คิด

 

ทรู ฟาร์ม โดรน (True Farm Drone) และ ทรู ฟาร์ม โกรว์ (True Farm Grow) คือผู้ช่วยที่เข้ามาช่วยเกษตรกรไทยในด้านการบริหารจัดการทรัพยากร เริ่มที่ทรู ฟาร์ม โดรน ซึ่งเป็นโดรนบินอัจฉริยะ ทำหน้าที่ให้ปุ๋ยและยาสำหรับพืช ส่วนทรู ฟาร์ม โกรว์ คืออุปกรณ์ IoT ที่คอยให้น้ำและดูแลการเพาะปลูก โดยทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้มี AI ที่คำนวณปริมาณปุ๋ย น้ำ และยาที่เหมาะสมต่อความต้องการของพืชได้อย่างแม่นยำ มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใช้ต้นทุนอย่างเสียเปล่า ช่วยให้เกษตรกรควบคุมต้นทุนได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการใช้แรงงานได้อีกด้วย

 

เมื่อเกษตรกรลดต้นทุนได้ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย โดยสินค้าการเกษตรก็จะมีราคาที่เอื้อมถึงได้ และยังมีคุณภาพได้มาตรฐานคงที่ หรืออาจจะคุณภาพสูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

สภาพแวดล้อมที่ดี มีเทคโนโลยีอยู่เบื้องหลัง

 

เราต่างรู้ดีว่าภาวะโลกร้อนสร้างผลกระทบให้กับผู้คนทั่วโลก รวมถึงเหล่าเกษตรกรด้วย ถึงแม้ธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เทคโนโลยีคือตัวช่วยที่ทำให้เรารับมือได้ดีขึ้น ทรู ฟาร์ม ได้สร้างโซลูชันสำหรับช่วยเกษตรกรรับมือกับสภาพอากาศ โดยการติดตั้งเซนเซอร์ไว้ใต้ดินเพื่อวัดความชื้น พร้อมนำอุปกรณ์ IoT มาปรับใช้เป็นระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ เมื่อความชื้นของดินต่ำลง ระบบจะสั่งให้รดน้ำเพิ่มตามความต้องการของพืช หรือถ้าหากมีความชื้นสูงผิดปกติ เสี่ยงที่จะมีน้ำท่วม ก็จะแจ้งเตือนไปยังเกษตรกรทันที ในสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนนี้ เกษตรกรก็ไม่ต้องนั่งเดาใจฟ้าฝนอีกต่อไป

 

ไม่ใช่แค่การปลูกพืชที่ต้องพึ่งพาลมฟ้าอากาศ อันที่จริงแล้วการเลี้ยงสัตว์ก็เช่นกัน เพราะอากาศที่แปรปรวนทำให้สัตว์ปรับตัวได้ยาก อย่างเช่น ฟาร์มไก่ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจการเกษตรที่ต้องใส่ใจในสภาพอากาศอย่างมาก True Farm Chicken จึงถูกสร้างขึ้นสำหรับฟาร์มไก่โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นระบบฟาร์มอัตโนมัติ (Farm Automation) ที่นำอุปกรณ์ IoT มาใช้ โดยมีเซนเซอร์คอยมอนิเตอร์สภาพแวดล้อมทั้งอุณหภูมิ ความชื้น แสง และความเร็วลม พร้อมรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์ ถ้ามีความผิดปกติก็จะแจ้งเตือนได้ทันที โดยสามารถสั่งงานได้ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้เกษตรกรมั่นใจว่าไก่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด โดยที่ตัวเกษตรกรเองไม่ต้องอยู่ที่ฟาร์มตลอดเวลาก็ได้

 

 

อีกหนึ่งประเภทของฟาร์มที่ต้องควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังและใกล้ชิด ก็คือ กุ้ง ซึ่ง ทรู ฟาร์ม ก็เข้าใจในจุดนี้ดี จึงสร้างสรรค์ True Farm Shrimp ขึ้นมาสำหรับฟาร์มกุ้งโดยเฉพาะเช่นกัน ระบบโดยรวมก็จะทำงานคล้าย ๆ กับฟาร์มไก่ นั่นก็คือจะใช้เซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพนํ้าและรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ดูแลฟาร์มควบคุมอากาศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ อีกทั้งยังมีโซลูชันเพิ่มประสิทธิภาพในการให้อาหารกุ้ง โดยใช้กล้องและเทคโนโลยี AI วิเคราะห์พฤติกรรมของกุ้ง เพื่อปรับปริมาณอาหารให้เหมาะสมด้วย

 

เทคโนโลยีฮีโร่ป้องกันโรค เพื่อฟาร์มสะอาด ปลอดโรค ปลอดภัย

 

ศัตรูตัวฉกาจของเหล่าเกษตรกรมาในรูปแบบของ ‘โรค’ โดยเฉพาะฟาร์มสัตว์ที่ต้องเผชิญโรคร้ายอย่างไม่คาดคิดอยู่บ่อย ๆ เราจึงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ป้องกันโรคอีกขั้น กรณีตัวอย่างคือ ในฟาร์มหมู ที่มีการนำโซลูชัน True Farm Pig  มาใช้โดยติดตั้งอุปกรณ์ IoT ทั่วฟาร์ม คอยตรวจสอบและรายงานสภาพแวดล้อมของโรงเรือนเลี้ยงหมู โดยที่เกษตรกรไม่ต้องเข้าไปในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ยังใช้กล้องตรวจจับและวิเคราะห์พฤติกรรมของหมู ซึ่งจะช่วยให้ตรวจพบหมูที่เริ่มมีอาการเจ็บป่วยได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สัตวแพทย์เข้าดูแลและทำการรักษาได้ทันท่วงที ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดในสัตว์ที่จะกระทบต่อปริมาณผลผลิต และยังป้องกันการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คน รวมถึงมีระบบตรวจสอบความสะอาดของคนหรือสัตว์ใหม่ที่จะเข้าไปในฟาร์ม เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีพาหะนำโรคเข้ามาปะปน

 

 

ในส่วนของวัว โรคที่ต้องระวังคือโรคลัมปี สกิน ที่เคยสร้างความเสียหายให้ฟาร์มมานับไม่ถ้วน แต่ในวันนี้ เกษตรกรเบาใจได้มากขึ้น เพราะสามารถดูแลสุขภาพของวัวและกระบือได้อย่างใกล้ชิด กับเทคโนโลยี True Farm Cow ที่มาพร้อมแท็กติดหูและสายคล้องคอตรวจวัดพฤติกรรมการเคลื่อนไหว การกิน และการเคี้ยวเอื้อง เพื่อประเมินสุขภาพของสัตว์ได้ พร้อมส่งข้อมูลไปยังเกษตรกรได้ทันทีคล้ายกับสมาร์ทวอทช์ของคน ซึ่งช่วยในการดูแลวัวแต่ละตัวได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สำหรับเกษตรกรโคนม True Farm Cow ยังช่วยให้ผู้เลี้ยงวัวนมไม่พลาดช่วงของการทำการผสมเทียมวัวนม จึงช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น ขณะเดียวกันระบบก็ยังทำหน้าที่ดูแลสภาพแวดล้อมและความสะอาดภายในฟาร์มไปด้วย นับเป็นการป้องกันโรคในทุก ๆ ทาง

 

การนำ ทรู ฟาร์ม เข้ามาใช้ ยังช่วยการันตีความสบายใจของผู้บริโภคไปด้วย เพราะเมื่อมีเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วย ก็เป็นการตอกย้ำคุณภาพและมาตรฐานเรื่องของสะอาดปลอดภัยของเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์มได้นั่นเอง

 

เกษตรกรรมยุค 5G ที่จะกำหนดอนาคตประเทศไทย

 

ถึงตรงนี้ เชื่อว่าเราคงได้เห็นกันแล้วว่าเทคโนโลยีจะสามารถเข้ามาช่วยเกษตรกรได้มากขนาดไหน เกษตรกรไทยจำนวนมากก็อยู่ในช่วงที่กำลังเรียนรู้และปรับใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มที่ และหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมผลักดันด้วยความหวังที่จะเห็น Smart Farming ประสบความสำเร็จในประเทศไทย

 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตคนไทยยังคงต้องพึ่งพาเกษตรกรรม ทั้งการจ้างงานในภาคเกษตรซึ่งเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของแรงงาน อีกทั้งการเกษตรยังนับเป็น ‘ครัว’ ของคนทั้งประเทศ การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการเกษตรไทยจึงไม่ได้ส่งผลดีเพียงแค่กับกลุ่มเกษตรกร แต่ยังสร้างประโยชน์ให้กับคนทั้งประเทศไทยเลยก็ว่าได้ นี่คืออีกหนึ่งความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูที่จะนำเทคโนโลยีส่งเสริมเกษตรกรไทยทุกคน เราเชื่อว่า เกษตรกรไทยจะสามารถใช้เทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาการผลิต และช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเกษตรไทยก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับยุค 5G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อ้างอิง:

 

อ่านต่อ
กลุ่มทรู แสดงวิสัยทัศน์ โอกาสและความท้าทาย เมื่อ AI หลอมรวมกับศักยภาพมนุษย์
True Blog 13 ก.พ. 2566

ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับงานสัมมนาระดับภูมิภาค "MIT Media Lab Southeast Asia Forum" จัดโดย MIT Media Lab หน่วยงานวิจัยของโลกด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม การออกแบบ และศิลปะของสถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย กลุ่มทรู ร่วมสนับสนุนและเปิด ทรู ดิจิทัล พาร์ค เป็นสถานที่จัดงาน พร้อมนำระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจรที่มีส่วนสำคัญในการยกระดับวงการเทคและสตาร์ทอัพ ร่วมแสดงศักยภาพความสามารถของคนไทยต่อสายตาผู้ร่วมงานจากทั่วโลก

 

โดยมี นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้ร่วมบรรยายพิเศษหัวข้อ "Human+AI : Opportunities and Challenges" แบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่จะพลิกโฉมโลกธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำของกลุ่มทรู ซึ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างคนและเทคโนโลยี ก่อให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาบุคคล องค์กร และเศรษฐกิจไทย ความสามารถทางการแข่งขัน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมตั้งเป้าขยายความร่วมมือทั้งในด้านธุรกิจ การพัฒนาโซลูชัน และสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร เพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมระดับแนวหน้าให้แก่ผู้ประกอบการเทคและสตาร์ทอัพประเทศไทยอย่างเต็มที่

 

 

เทคโนโลยี AI เปลี่ยนชีวิต พลิกโฉมธุรกิจไทย

 

นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวย้ำความเป็นผู้นำของ กลุ่มทรู ที่ก้าวสู่การเป็นบริษัทเทคว่า มีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและบริการดิจิทัลครบวงจร พร้อมยกตัวอย่างนวัตกรรมที่ทรูได้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี AI ผสานความรู้ของผู้ชำนาญการในหลากหลายสาขา เพื่อช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ภาคสาธารณสุข เกษตรกรรม และค้าปลีก

 

สาธารณสุข : ผนึกพันธมิตร ขยายบริการทางการแพทย์ให้รวดเร็วและทั่วถึง

 

แม้ว่าประเทศไทยจะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการจำนวนมาก แต่ยังไม่เพียงพอในการดูแลรักษาผู้ป่วย อีกทั้งแพทย์ส่วนมากอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่และอยู่ในเมือง ทำให้การกระจายการรักษาพยาบาลยังไม่เพียงพอ ทรู จึงมุ่งมั่นในการกระจายบริการรักษาพยาบาลออกไปจากศูนย์กลาง มีโอกาสทำงานร่วมกับสถาบันการแพทย์หลายแห่งทั้ง รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช ที่มีอาจารย์แพทย์จำนวนมาก

 

 

ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ราว 400,000 ราย และมีความเชื่อในการผสานโลกกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ MIT Media Lab ที่ว่า การผสมผสานของดิจิทัลและคนย่อมดีกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว โดยทรูได้เปิด "มุมสุขภาพ" หรือ "True HEALTH Corner" ในพื้นที่หลายแห่ง มีอุปกรณ์ตรวจวัดค่าต่างๆ ของร่างกายเบื้องต้นและ ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ได้ทันที ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี

 

 

นอกจากนี้ ทรู ยังทำงานร่วมกับ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดศูนย์สุขภาพรามาธิบดี ขยายพื้นที่ให้บริการที่ใหญ่และเพิ่มบริการหลากหลายมากขึ้น อาทิ บริการเจาะเลือด และเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ เอกซเรย์ปอด และ EKG เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ รวมถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอัจฉริยะหรือ Smart EMS (Smart Emergency Medical Service) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการจากความร่วมมือกับ โรงพยาบาลศิริราช ที่สะท้อนให้เห็นนวัตกรรมโซลูชันที่ชูศักยภาพของมนุษย์ โดยมีความชำนาญการของแพทย์ พยาบาล เป็นตัวนำ และเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

 

สิ่งนี้เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของทรูที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นและจะเป็นจริงได้ด้วยการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศ และเชื่อว่าในอนาคตหากมีมุมมองแบบองค์รวมของการดูแลสุขภาพที่เชื่อมโยงถึงกันจะสามารถสร้างสรรค์และให้บริการโซลูชันที่ดียิ่งขึ้นเท่าทวีคูณเพื่อประชาชน

 

กษตรกรรม : เกษตรอัจฉริยะกับความท้าทายในการเพิ่มผลผลิต

 

แม้ภาคการเกษตรจะเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย แต่กลับยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของ เกษตรกร และนำมาซึ่งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทรูจึงพัฒนานวัตกรรมหลากหลายเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สำหรับกลุ่มเกษตรพืช โดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและโดรนสอดส่องปัญหาและคาดเดาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ด้านปศุสัตว์ใช้เทคโนโลยี IoT และ Analytics ในการตรวจจับและวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์ เช่น ในฟาร์มโคนม จะใช้เครื่องตรวจวัดสุขภาพที่สามารถแจ้งเตือนปัญหาเพื่อปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคให้เหมาะสม ส่วนในฟาร์มสุกรและกุ้ง จะนำระบบวิเคราะห์ด้วยวิดีโอที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของสุกรและกุ้ง เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิต ทั้งนี้ การวางระบบที่แม่นยำ การคาดการณ์ปริมาณผลผลิต จักรกลช่วยเก็บเกี่ยว และการตรวจสอบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรต่างๆ ล้วนเป็นความท้าทายที่ทรูและเหล่าสตาร์ทอัพทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมนี้

 

ค้าปลีก : พลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกด้วยเทคโนโลยี AI

 

 

เนื่องจาก ธุรกิจค้าปลีก ยังสามารถต่อยอดพัฒนาได้อีกมากมาย ทั้งเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพและการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทรูจึงพัฒนาโซลูชันต่างๆ ที่ช่วยลดช่องว่างดังกล่าว เช่น Heatmap ทำให้ทราบพฤติกรรมของลูกค้าในการเดินซื้อสินค้า เพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการ และระบบตรวจสอบชั้นวางสินค้าที่ว่าง พร้อมแจ้งเติมสินค้าและเชื่อมโยงกับคลังสินค้าเพื่อการวางแผน รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์และตรวจสอบระบบตู้แช่เย็น เพื่อการดูแลรักษาคุณภาพ ซึ่งล้วนอาศัยการทำงานร่วมกันของมนุษย์และ AI ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ความต้องการซื้อสินค้า การจัดการสินค้า การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การนำเสนอโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้ง องค์กร สตาร์ทอัพ หน่วยงานภาครัฐ นักวิจัย และนักประดิษฐ์ ที่จะผสานเชื่อมโยงเครือข่ายเป็นระบบนิเวศเพื่อเผชิญความท้าทายเหล่านี้ไปด้วยกัน

 

ทัศนคติเชิงบวกและความเชื่อมั่นคือพลังสร้างสรรค์นวัตกรรม

 

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวสรุปพร้อมสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ร่วมงานว่า แม้ AI จะช่วยยกระดับการทำงานให้กับมนุษย์ได้ แต่ความเห็นอกเห็นใจยังเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำได้ การทำงานร่วมกันของมนุษย์และ AI จึงเป็นแนวทางที่ ทรู เชื่อและทำเสมอมา ซึ่งการสร้างนวัตกรรมนั้นมักจะต้องพบกับความสงสัยในความเป็นไปได้อยู่เสมอ แต่นั่นคือโอกาสที่จะเป็นคนแรกที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมนั้น ทัศนคติเชิงบวก และความเชื่อมั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเปิดใจ และเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้นวัตกรรมต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้จริง

 

อ่านต่อ
มารู้จักนวัตกรไทย ‘True Robotics’ ทีมพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อคนไทย เมื่อหุ่นยนต์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป!
True Blog 23 ธ.ค. 2565

ถ้าพูดถึง ‘หุ่นยนต์’ ทุกคนจะนึกถึงอะไรกันบ้าง?

 

หลายคนอาจเห็นภาพหุ่นยนต์แมวพี่เลี้ยงสายซัพพอร์ตอย่างโดราเอมอน หุ่นยนต์แปลงร่างใน Transformers หุ่นยนต์ที่ถอดแบบโครงสร้างมนุษย์จากภาพยนตร์หรือซีรีส์ Sci-Fi ชื่อดังอย่าง Bicentennial Man, I, Robot, Westworld ฯลฯ ภาพจำเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกว่าหุ่นยนต์เป็นเรื่องของโลกอนาคตแสนห่างไกล แต่แท้จริงแล้ว หุ่นยนต์ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทใกล้ชิดกับชีวิตผู้คนมานานหลายทศวรรษ แม้หลายเคสจะยังอยู่ในระยะของการพัฒนาแต่ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ในปัจจุบัน แม้แต่บริษัทระดับโลกต่าง ๆ เริ่มนิยมนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้เพื่อช่วยพนักงานทำงานมากขึ้น อย่าง Amazon บริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ ก็เริ่มใช้หุ่นยนต์ช่วยจัดการสต็อกและออร์เดอร์ รวมถึงส่งของดิลิเวอรีในบางพื้นที่ พร้อมเผยว่าหุ่นยนต์ช่วยให้บริษัททำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 20% รวมทั้งในวงการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการยานยนต์ที่ให้ความสนใจพัฒนา Wearable Robotics (อุปกรณ์หุ่นยนต์ประเภทสวมใส่ได้) ที่เน้นช่วยผู้ป่วยอัมพาตจากอุบัติเหตุ หุ่นยนต์กู้ภัยที่สามารถวิ่ง บิน คลานหรือแม้แต่ดำน้ำเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ไปจนถึงวงการแฟชั่นที่ยอมเปิดทางให้นางแบบหุ่นยนต์ได้ออกมาเฉิดฉายบนรันเวย์ หรือแม้กระทั่งรับบทเป็นดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าเสียเอง น่าทึ่งไหมล่ะ!

 

ส่องเทคโนโลยีหุ่นยนต์ไทยไปกับ ‘True Robotics’

 

เมื่อหุ่นยนต์กลายเป็นเมกะเทรนด์สุดอิมแพค ไม่ใช่เพียงทั่วโลกที่ให้ความสนใจ แต่ในประเทศไทยก็เช่นกัน หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้ในภาคการผลิตจำนวนมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ หรือในส่วนงานบริการก็มีหุ่นยนต์ที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ เช่น หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารหรือหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านหรือผนังกระจกสูง ยิ่งเมื่อมีเครือข่าย 5G ผสานกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้ว วงการหุ่นยนต์ไทยก็ดูจะยิ่งพัฒนาได้ไกลกว่าเดิมและมีโอกาสฉายแสงได้ไม่แพ้ใคร  

 

 

กลุ่มทรูเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า หุ่นยนต์คือหนึ่งในนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยในยุคดิจิทัล ทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค จึงได้จัดตั้ง ‘True Robotics’ หน่วยงานวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ทั้ง Hardware และ Software โดยมุ่งศึกษาข้อมูลหุ่นยนต์จากทั่วโลก พร้อมทำการวิจัย ทดลองและพัฒนา จนสามารถสร้างสรรค์หุ่นยนต์สัญชาติไทยได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้รับรางวัลนวัตกรรมจากหลากหลายเวทีประกวดระดับนานาชาติ

 

ห้องแล็บวิจัยของ True Robotics ได้ศึกษา วิจัย และพัฒนาหุ่นยนต์ทั้งหมด 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็จะมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของคนหรือภาคธุรกิจที่แตกต่างกันไป

 

  • ชีวิตง่ายขึ้นด้วยหุ่นยนต์ที่เปรียบเสมือน ‘เพื่อนในบ้าน

หากจะพูดถึงหุ่นยนต์ที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด คงไม่พ้น หุ่นยนต์ในบ้าน (Home Robot) หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ ‘Smart Home’ ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายภายในบ้านให้กับเราตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเวลาเข้านอน หุ่นยนต์ประเภทนี้มีฟังก์ชันที่หลากหลาย และยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้านได้ ให้ผู้ใช้งานควบคุมได้ดั่งใจ

 

‘HOMEY’ คือหุ่นยนต์ในบ้านสัญชาติไทยที่พัฒนาโดยทีม True Robotics ด้วยหน้าตาที่ดูน่ารักเป็นมิตรบวกกับความสามารถในการอำนวยความสะดวกรอบด้าน HOMEY จึงเปรียบเสมือนเป็น ‘เพื่อนในบ้าน’ ของผู้ใช้งาน นอกจากจะรองรับการสั่งงานด้วยเสียง และจดจำใบหน้าของคนในบ้านได้แล้ว ยังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หน้าตา การเคลื่อนไหว และการแสดงความรู้สึกไปตามการตั้งค่าของผู้ใช้งานได้อีกด้วย 

 

 

HOMEY มาพร้อมฟังก์ชันที่ครอบคลุม จึงทำงานร่วมกับเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี ทั้งเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT Smart Home เพื่อควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน และรองรับแอปพลิเคชันการใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ ได้ครบ เช่น วิดีโอสตรีมมิง วิดีโอคอล ระบบแจ้งเตือน นอกจากนี้ก็ยังติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ตามใจผู้ใช้งาน ที่สำคัญ สามารถช่วยดูแลสุขภาพผู้ใช้งานได้ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์การทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด พร้อมแสดงผลบนหน้าจอ เพื่อเป็นข้อมูลปรึกษาแพทย์ทางไกลผ่านวิดีโอคอล รวมถึงช่วยแจ้งเตือนการกินยาหรือตรวจเช็กร่างกายได้อีกด้วย

 

เทคโนโลยีอันชาญฉลาดเหล่านี้ ทำให้หุ่นยนต์  HOMEY ได้รับรางวัลระดับโลกในปี 2565 นั่นคือ รางวัลเหรียญทองสิ่งประดิษฐ์ และรางวัลพิเศษสำหรับผลงานนวัตกรรมสุดประทับใจ จากเวทีการแข่งขันชั้นนำระดับโลกอย่าง World Invention Innovation Contest 2022 ที่จัดโดย The Korea Invention Newspaper (KINEWS) และได้รับการสนับสนุนจาก Korea Invention Academy (KIA) สมาคมส่งเสริมนักคิดค้นสิ่งประดิษฐ์อาเซียน และสหพันธ์สมาคมนักประดิษฐ์นานาชาติ ณ ประเทศเกาหลีใต้ สะท้อนถึงความสำเร็จและความทุ่มเทของกลุ่มทรูและทีม True Robotics ได้อย่างชัดเจน

 

  • หุ่นยนต์เพื่อคนทำธุรกิจ ช่วยเซอร์วิสอย่างครบวงจร

สำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs แล้ว การบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญ หุ่นยนต์บริการ (Service Robot) จึงเป็นโซลูชันที่ลงตัว เพราะช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากรได้ โดยที่มาตรฐานงานบริการไม่ลดตามไปด้วย หุ่นยนต์บริการนี้ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในห้างสรรพสินค้า งานแสดงสินค้า ร้านค้า และร้านอาหาร โดยสามารถอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การช่วยค้นหาและนำทางไปยังชั้นวางสินค้าที่ต้องการซื้อ ไปจนถึงการเสนอโปรโมชันที่น่าสนใจผ่านหน้าจอให้ลูกค้า นอกจากนี้ ยังช่วยดูแลและตรวจสอบสต็อกสินค้าได้ หากสินค้าหมดจะแจ้งเตือนไปยังระบบทันที เพื่อให้พนักงานเติมสินค้ารองรับลูกค้าได้ทัน ช่วยให้ไม่เสียโอกาสในการขาย แถมเพิ่มประสบการณ์ให้การซื้อขายน่าประทับใจยิ่งขึ้น

 

 

ด้วยจุดเด่นของ Service Robot ที่ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตสู่ยุคนิว นอร์มัล ให้ผู้คนลดการสัมผัสกันโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19  ทีม True Robotics จึงสามารถคว้ารางวัลเหรียญเงิน จากเวทีประกวดผลงานนวัตกรรมระดับนานาชาติ “XXIII Moscow International Inventions and Innovative Technologies Salon” หรือ ARCHIMEDES-2020 จากสหพันธรัฐรัสเซีย  นับเป็นอีกหนึ่งผลงานของคนไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 

 

อีกหนึ่งรูปแบบของหุ่นยนต์บริการที่น่าสนใจ คือหุ่นยนต์ที่ใช้ระบบ AI สื่อสารตอบโต้กับผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด พร้อมให้ข้อมูลผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น True 5G ROBO-GREET หุ่นยนต์ Humannoid อัจฉริยะ ที่มาพร้อมความฉลาดของ AI ที่นอกจากช่วยให้ข้อมูลแล้ว ยังฉลาดตรงสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของผู้ใช้งานผ่านทางสีหน้าท่าทางได้อีกด้วย

 

 

  • เทรนด์การศึกษายุค 5G มีหุ่นยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน

ใครว่าการศึกษาต้องอยู่บนตำราเท่านั้น การศึกษายุคใหม่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา หรือการใช้เทคโนโลยี VR / AR เป็นสื่อการสอน และแน่นอนว่า หุ่นยนต์เพื่อการศึกษา (Education Robot) ก็เป็นหนึ่งในเทรนด์ EdTech ที่กำลังมาแรง หุ่นยนต์นี้อาจไม่ได้ทำหน้าที่แทนครูทั้งหมด แต่จะเป็นผู้ช่วยนำเสนอสื่อการสอนให้สนุกและน่าสนใจ เพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับผู้เรียนด้วยข้อมูลที่แม่นยำและการตอบสนองแบบเรียลไทม์ มั่นใจได้ว่าผู้เรียนจะได้รับความรู้ที่ถูกต้อง เช่น หุ่นยนต์ไอน์สไตน์สัญชาติฮ่องกง ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ด้วย AI ที่เชี่ยวชาญในวิชาวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์ หุ่นยนต์ไอน์สไตน์จึงสามารถสอน ตอบคำถาม และช่วยนักเรียนทบทวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุ่นใจเหมือนมีนักฟิสิกส์คนดังมาติวให้แบบใกล้ชิด

 

 

  • หุ่นยนต์รูปแบบใหม่ยังเกิดขึ้นได้เสมอด้วย AI และ 5G

นอกจากหุ่นยนต์ประเภทต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว เทคโนโลยี AI และเครือข่าย 5G ยังรังสรรค์ให้เกิดหุ่นยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการอีกหลากหลายด้านที่เราอาจคาดไม่ถึง เช่น ‘Pongbot’ หุ่นยนต์สายสปอร์ต สำหรับช่วยนักกีฬาปิงปองฝึกซ้อม ทำหน้าที่เหมือนโค้ชมืออาชีพ จับการเคลื่อนไหวทำให้ฝึกการตีปิงปองได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ True 5G และสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยได้นำมาช่วยพัฒนาทักษะของนักกีฬาไทย นอกจากนี้ยังมี ‘Loomo’ หุ่นยนต์พาหนะ ที่มาในรูปแบบของรถยืนไฟฟ้า (Segway) มีระบบบันทึกและประมวลผล พร้อมกล้องที่สามารถเดินตามผู้ใช้งานได้เมื่อเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่สามารถใช้งานได้

 

 

‘True Robotics Platform’ บริหารจัดการหุ่นยนต์ทั่วโลกได้ในแพลตฟอร์มเดียว

 

ปัญหาใหญ่ที่ผู้ใช้หุ่นยนต์มักจะต้องเผชิญ คือการที่หุ่นยนต์แต่ละตัวมาจากผู้ผลิตต่างค่ายกัน จึงต้องใช้แพลตฟอร์มบริหารจัดการต่างกัน ทำให้ผู้ใช้งานต้องเรียนรู้แพลตฟอร์มแยกสำหรับหุ่นยนต์แต่ละตัว เพื่อแก้ปัญหานี้ ทีม True Robotics จึงได้ทุ่มเทพัฒนา ‘True Robotics Platform’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้หุ่นยนต์บริหารจัดการหุ่นยนต์ประเภทต่าง ๆ จากผู้ผลิตทั่วโลกได้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อผู้ใช้หุ่นยนต์สะดวกสบายและประหยัดเวลาได้มากขึ้น

 

True Robotics Platform ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางแอปพลิเคชันของหุ่นยนต์ (App Store) ที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง เพื่อเพิ่มฟังก์ชันให้กับหุ่นยนต์ได้มากยิ่งขึ้น เช่น

  • ฟังก์ชันการถ่ายรูป เปลี่ยนให้หุ่นยนต์เป็นเหมือนมีตู้ถ่ายรูปเคลื่อนที่ได้
  • ฟังก์ชันที่ให้หุ่นยนต์สามารถทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางตามสถานที่ต่าง ๆ
  • ฟังก์ชันช่วยลงทะเบียนผ่านการ Scan ใบหน้า
  • ฟังก์ชันในการจัดการคิวของผู้เข้าร่วมงาน เป็นต้น

ในอนาคต แพลตฟอร์มนี้ยังมีแผนพัฒนาที่จะเพิ่มเติมฟังก์ชันอื่น ๆ ต่อไปอีก เพื่อเสริมศักยภาพการทำงานของหุ่นยนต์ให้สามารถอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของเราได้มากขึ้น

 

 

การพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในไทยจะก้าวไปได้ไกลแค่ไหน?

 

ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับ 13 ของโลก และมีแนวโน้มจะไต่อันดับสูงขึ้นอีกในอนาคต โชว์ให้เห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ไทย ซึ่งก็สอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้ประกาศแผนพัฒนาระยะยาวในปี 2569 ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการผลิต การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอาเซียน โดยมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้หุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา True Robotics ได้นำความเชี่ยวชาญของทีมงานและเทคโนโลยีหุ่นยนต์ล้ำสมัย ตลอดจนเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ อาทิ เทคโนโลยี Face Recognition และ Thermo Scan ช่วยในการระบุตัวตนและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เพื่อคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่ต่างๆ รวมถึง การใช้หุ่นยนต์เพื่อส่งน้ำ อาหาร ยา ให้แก่ผู้ป่วย และสื่อสารวิดีโอคอลระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรการแพทย์ ช่วยแบ่งเบาภารกิจ และช่วยลดการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรการแพทย์ เพื่อให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

 

วันนี้ ทรู ได้ก้าวสู่การเป็น Tech Company ที่พร้อมจะสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย กลุ่มทรูจึงได้มุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ไทยมาโดยตลอด ไม่ใช่เพียงเพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ทั้งภาคธุรกิจไทยก้าวทันเทคโนโลยีล้ำสมัย และสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขันในเวทีโลกด้วย 

อ่านต่อ
5 ทริคดูแลผู้สูงวัย ทั้งสะดวกและปลอดภัยใน Smart Home กับ Living TECH
True Blog 08 ก.ย. 2565

"บ้าน" เป็นพื้นที่ที่จะสร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับกาย และสร้างความอบอุ่นให้กับใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับสมาชิกคนสำคัญอย่างผู้สูงอายุวัยเกษียณ

 

เมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุเปลี่ยนจากการออกไปทำงานทุกวันมาเป็นการใช้ชีวิตอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และอาจต้องอยู่เพียงลำพังระหว่างที่ลูกหลานออกไปเรียนและไปทำงาน หน้าที่สำคัญสำหรับลูกหลานคือ การเอาใจใส่ดูแล สร้างความสุขกายสบายใจ ควบคู่ไปกับการจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและวางใจได้ในระหว่างที่อยู่ห่างไกลพวกท่าน

 

 

ในยุคดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีและตัวช่วยดี ๆ มากมาย มาลองดูทริคดูแลผู้สูงวัยที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ที่บ้าน เพื่อดูแลคนที่รักได้อย่างง่ายดายกัน

 

 

5 ทริคดูแลผู้สูงอายุที่บ้านด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง True LivingTECH 

 

 

ในวันที่ทุกเจเนอเรชันคุ้นเคยกับการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย จึงเป็นเรื่องง่ายที่ใช้เทคโนโลยีมาผนวกเข้ากับการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านได้ ด้วยการเลือกใช้นวัตกรรมโซลูชัน True LivingTECH ที่ช่วยให้บ้านธรรมดา ๆ กลายเป็น “บ้านอัจฉริยะ” เพียงเลือกอุปกรณ์อัจฉริยะ Smart Living จาก True มาใช้ในบ้าน ติดตั้งเองก็ง่ายแบบ DIY และเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นด้วยเน็ตบ้าน  แค่นี้ก็สามารถสั่งการและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน True LivingTECH ซึ่งเป็น All-in-One Application ใช้งานทุกอย่างง่ายมาก ๆ ในแอปเดียว มาดูกันว่าจะมีทริคที่แมตช์กับอุปกรณ์อัจฉริยะชิ้นไหนที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ผู้สูงอายุไปพร้อมกัน

 

 

1. เปิดไฟสว่าง ให้มองเห็นชัดเสมอ : เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญ ผู้สูงอายุอาจมีปัญหาสายตาที่พร่ามัว ทำให้การมองเห็นเป็นเรื่องที่ยากหากอยู่ที่มืด หรือมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ดังนั้น เราสามารถเลือกใช้อุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง Smart Light Bulb หลอดไฟอัจฉริยะ และทำงานร่วมกับ Motion Sensor อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว  ซึ่งเซนเซอร์จะทำการแจ้งเตือนเมื่อมีคนเดินผ่าน และสามารถสั่งการเปิดไฟให้หลอดไฟอัจฉริยะทำงานได้ เพื่อให้ผู้สูงอายุมองเห็นพื้นบ้านได้อย่างชัดเจน หรือก้าวขึ้น-ลงบันไดได้อย่างปลอดภัย

 

 

 

 

2. ดูแลความปลอดภัยได้จากทุกที่ แม้อยู่ห่างไกลกัน : เมื่อลูกหลานต้องออกไปทำงาน เรียนหนังสือทั้งวัน หรือแม้แต่อยู่กันคนละบ้าน การเลือกใช้อุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยจากระยะไกลก็ช่วยให้วางใจได้มากขึ้น อย่าง Smart CCTV Camera กล้องวงจรปิดอัจฉริยะแบบไร้สาย ที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง เฝ้าระวังบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังมี Motion Detection Alarm ตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในบ้าน และสามารถพูดคุยผ่านกล้องได้ เหมือนเราดูแลพวกท่านอยู่ไม่ห่างตลอดเวลา

 

 

 

 

3. เพิ่มช่องทางการติดต่อได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน : ในช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง อาจเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด Emergency Button ปุ่มฉุกเฉินอัจฉริยะ เป็นตัวช่วยที่รวดเร็วในยามคับขัน เพียงกดปุ่มฉุกเฉิน ข้อความจะถูกส่งไปยังลูกหลานทันที เพื่อช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

 

 

4. ป้องกันผู้บุกรุก ปิดล็อคประตูได้อัตโนมัติ ไม่กลัวหลงลืม : การล็อคประตูบ้าน เป็นการป้องกันและสร้างความปลอดภัยในกับสมาชิกในบ้านได้ แต่ระหว่างวันผู้สูงอายุที่อยู่บ้านอาจมีกิจกรรมทั้งในบ้านและรอบบ้านมากมาย ก็ทำให้หลงลืมในการล็อคประตูบ้านได้เช่นกัน ดังนั้นหากติดตั้ง Smart Door Lock ประตูล็อคอัจฉริยะ ไว้ เราก็สามารถเช็กผ่านแอปได้เสมอว่าประตูบ้านได้ถูกล็อคเรียบร้อยแล้วหรือไม่ และสามารถสั่งการล็อคประตูผ่านแอปได้ด้วย เท่านี้ก็สบายใจหายห่วงแล้ว

 

 

5. ไม่ปล่อยให้เหงา เข้าครัวทำกับข้าวได้แบบสบายใจ หายห่วง : สำหรับผู้สูงอายุที่ชอบเข้าครัว ก็ไม่ต้องกลัวปัญหา ถ้าลืมปิดเตาไฟ หรือระบบน้ำที่อาจรั่วไหลจนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ เมื่อติดตั้ง Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะตรวจจับควัน และ Water Leak Sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะตรวจจับน้ำรั่วไหล หากตรวจจับพบเจอควันที่มากผิดปกติ หรือมีน้ำรั่ว อุปกรณ์จะแจ้งเตือนด้วยเสียง และส่งข้อความเตือนไปยังแอป ช่วยให้สามารถจัดการปัญหาหรือติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยดูแลแก้ไขได้ทันที

 

 

 

 

สำหรับใครที่จะลองนำ 5 ทริคนี้ไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน วันนี้ True พร้อมช่วยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย จัดการได้ที่ปลายนิ้วผ่าน แอปพลิเคชันเพียงแอปเดียวอย่าง True LivingTECH โปรสุดทุกเรื่องบ้านอัจฉริยะ ที่ใช้งานสะดวก และง่ายดายเพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน จึงไม่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้สูงอายุจะเข้าใจและใช้งานได้

 

 

นอกเหนือจากการดูแลความปลอดภัยผ่านการใช้เทคโนโลยีแล้ว สิ่งสำคัญคือ ความห่วงใยเอาใจใส่ ให้ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวที่เรารักอยู่สบายทั้งกายและใจ และใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวอย่างแท้จริง เมื่อมีเวลาว่างลองชวนพวกท่านออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือชวนครอบครัวทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยกัน เพื่อเสริมสร้างแรงกายแรงใจที่ดี ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีอย่าง LivingTECH ช่วยดูแลความปลอดภัยและเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัวได้มากกว่าที่เคย

 

อ่านต่อ
เหนื่อยทั้งวันขอพักสักที จะดีกว่าไหมถ้ามีตัวช่วยอัจฉริยะดีๆ เปลี่ยนบ้านให้ดูแลคุณอย่าง Living Tech
True Blog 08 ส.ค. 2565

คุณตื่นไปทำงานตอนกี่โมง แล้วกลับจากที่ทำงานถึงบ้านในตอนกี่โมงกันนะ นี่เป็นคำถามที่อยากลองให้ทุกคนชวนคิดกับตัวเอง ว่าปกติเราใช้เวลาในการทำงานกี่ชั่วโมงในแต่ละวัน

ผลสำรวจจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ในปี 2021 ระบุว่า ‘กรุงเทพฯ’ ติดอันดับ 3 เมืองที่ผู้คนเมืองทำงานหนัก และขาดสมดุลในการใช้ชีวิตมากที่สุดในโลก เพราะส่วนใหญ่แล้วคนวัยทำงานโฟกัสการทำงานเพื่อแลกเงินเดือนเป็นเวลามากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาการทำงานที่หนักหน่วงพอสมควร ยังไม่รวมกับเวลาของการเดินทางที่ต้องบวกเพิ่มไปอีก หากถามหาเวลาดูแลสิ่งอื่นรอบตัวคงยาก เพราะเวลาดูแลตัวเองยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

 

หนึ่งในคนทำงานอย่างเช่นกลุ่มวัยกลางคนที่เรียกว่าเป็น ‘Sandwich Generation’ คือต้องแบกภาระหลายด้าน ทั้งการงาน การเงิน ครอบครัว เปรียบเสมือน ‘Sandwich’ ที่ประกอบด้วย 3 ชั้น ขนมปังชั้นแรก คือ ภาระในการรับผิดชอบ ‘พ่อแม่’ ตรงกลางคือ ‘ตัวเอง’ และขนมปังอีกชั้น หมายถึง การดูแล ‘บุตร – คู่สมรส’ แต่ถึงแม้จะมีภาระเยอะขนาดไหน คนกลุ่มนี้ก็ยอมแลกกับการได้มีบ้านของตัวเอง มีผลสำรวจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียที่พบว่า กลุ่มคนวัยกลางคนมีอัตราการซื้อบ้านสูงถึง 25% คนกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับ ‘บ้าน’ เป็นหลัก แต่การจะมีบ้านสักหลังและดูแลบ้านให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ต้องรับผิดชอบภาระหลาย ๆ อย่างพร้อมกันแบบนี้

 

 

 

เมื่อมีภารกิจมากขนาดนี้ ตัวช่วยอะไรที่จะสามารถช่วยคุณดูแลบ้านได้บ้าง

 

ปัจจัยหลักที่เจ้าของบ้านในปัจจุบันให้ความสำคัญ โดยอ้างอิงผลสำรวจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) อันดับแรกคือ การมีระบบเตือนภัยอัจฉริยะภายในบ้าน และรองลงมาคือ การมีระบบช่วยควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้า และจัดการพลังงานภายในบ้าน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และลดค่าใช้จ่าย 

 

 

ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่มองหาความปลอดภัยและความคุ้มค่าเป็นหลัก เพราะมีภาระที่ต้องดูแลมากมาย จนอาจกังวลว่าตัวเองจะหลุดโฟกัสจากเรื่องสำคัญภายในบ้านไปได้นั่นเอง ยุคนี้จึงมีการสร้างสรรค์อุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่สามารถช่วยดูแลบ้านให้คนทำงานที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานได้ 

 

 

อุปกรณ์อัจฉริยะที่หลายบ้านได้นำมาใช้เป็นตัวช่วยดูแลบ้านมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ  ระบบล็อกประตูแบบดิจิทัล และหลอดไฟอัจฉริยะ ซึ่งราคาของอุปกรณ์อัจฉริยะในช่วงแรกที่เริ่มวางขายยังค่อนข้างสูง อีกทั้งคนส่วนใหญ่มีความกังวลเพราะยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้นัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาต่อเนื่อง ผู้คนเริ่มเข้าใจและคุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงอุปกรณ์มีราคาถูกลง พร้อมตัวเลือกที่หลากหลาย ทุกคนจึงเริ่มเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ง่ายและนิยมใช้กันมากยิ่งขึ้น แต่อุปกรณ์แต่ละชิ้นต้องใช้การสั่งงานและควบคุมที่แตกต่างกันออกไปตามแบรนด์นั้น ๆ  ไม่มีระบบศูนย์กลางที่สามารถควบคุมจากจุดเดียวได้ จึงอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบสักเท่าไร

 

 

 

 

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย หรือ Living Tech ช่วยอำนวยความสะดวกและดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างครบวงจร โดย True ได้พัฒนานวัตกรรมโซลูชัน Smart LivingTECH ที่จะเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้เป็นบ้านอัจฉริยะ สามารถควบคุมและสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT Smart Home ต่าง ๆ ภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชัน True LivingTECH แอปเดียวครบจบ ทั้งสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน คุณสามารถตรวจสอบอุปกรณ์อัจฉริยะทุกอย่างผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่คุณใช้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำได้ 

 

 

มาเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้เป็นบ้านในฝันที่ดูแลคุณได้ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะกัน

 

 

ตอนนี้อยากชวนให้ลองจินตนาการในช่วงเวลาเย็นๆ ที่คุณกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเลิกงาน และเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน เมื่อกลับถึงบ้าน เพียงเปิดประตู หลอดไฟในบ้านจะถูกเปิดให้ความสว่างไสวทันที และเมื่อก้าวเข้าห้องนั่งเล่นก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม ๆ มีโทรทัศน์เปิดไว้รอให้คุณดูหนังเรื่องโปรด พร้อมพัดลมหรือแอร์ที่กำลังเริ่มทำงาน มอบความเย็นให้คุณแบบที่ไม่ต้องลุกไปเปิดเอง เพราะ Smart Door Lock ประตูบ้านสุดไฮเทค สามารถตั้งค่าเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน เมื่อคุณกลับมาถึงแล้วกดรหัสที่ประตู เครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณตั้งค่าไว้ ก็จะถูกเปิดเพื่อมอบความสบายต้อนรับคุณได้ทันที

 

 

หากต้องเดินทางไกลและทิ้งบ้านไปหลายวัน คุณสามารถตรวจสอบและสอดส่องดูแลบ้านของคุณได้อย่างสบายใจผ่าน Smart CCTV Camera 1080P กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม คุณสามารถดูแลบ้านให้ปลอดภัยได้เสมอ ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ เมื่อมีใครที่พยายามบุกรุกบ้านของคุณ  ก็จะมีการแจ้งเตือนไปยังแอปที่คุณใช้งานทันที

 

 

 

สำหรับใครที่มีลูกน้อย และอยากจะทำงานบ้านอยู่อีกห้อง แต่ยังเป็นห่วงต้องคอยสอดส่องดูแลลูกไปพร้อมกัน สามารถใช้ Smart Baby Camera กล้องวงจรปิดอัจฉริยะสำหรับเด็ก คอยเฝ้าดูแลลูกน้อยของคุณ หรือจะส่งเสียงเพลงกล่อมลูกก็สามารถทำได้ พร้อมทั้งยังมีการตรวจจับและตั้งอุณหภูมิและความชื้นภายในห้องของลูกให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี

 

ส่วนบ้านไหนที่มีสัตว์เลี้ยง เป็นทาสน้องหมา น้องแมว กลัวน้องจะหิวเมื่อออกไปทำงานนอกบ้านหรือเดินทางไปต่างจังหวัด คุณก็สามารถใช้ AUTOBOT Pet Feeder Food เครื่องให้อาหารสัตว์อัตโนมัติ ดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักเหมือนกับคุณอยู่ใกล้ ๆ ได้ ด้วยการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ที่ช่วยให้คุณเห็นสัตว์เลี้ยง และสามารถส่งเสียงเรียกและพูดคุยได้ เพียงเท่านี้สัตว์เลี้ยงของคุณก็คงจะไม่เหงาเวลาที่รอคอยคุณกลับบ้าน

 

 

สำหรับใครที่มักจะหลงลืม เมื่อเดินทางออกจากบ้านแล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้น คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเลือกใช้ Smart Plug ปลั๊กไฟอัจฉริยะ ที่จะช่วยเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาภายในบ้านคุณให้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพียงแค่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์ Smart Plug แล้วเชื่อมต่ออุปกรณ์ไว้ในแอป คุณก็สามารถสั่งการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปได้เสมอ แม้ว่าคุณจะออกจากบ้านไปแล้ว 

 

 

นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้ว ยังมีอุปกรณ์อัจฉริยะอีกหลายชิ้นที่จะช่วยให้คุณดูแลบ้านได้อย่างไม่ต้องกังวล ที่สำคัญคือ คุณรู้หรือไม่ว่าการนำอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้เข้ามาช่วยดูแลบ้านนั้น สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึง 30-40 % ซึ่งจากผลวิจัยของสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป พบว่าในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ภายในบ้าน สามารถประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นมีการเชื่อมต่อกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่ช่วยจดจำและประเมินการใช้งานของอุปกรณ์เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นจะสามารถทำได้ดีมากขึ้นผ่านการใช้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ หรือ 5G เข้ามาช่วย

 


อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และ 5G ช่วยเชื่อมต่อและสั่งงานทุกอุปกรณ์ในบ้านได้แบบ Seamless 

 

การเชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การใช้งานของอุปกรณ์อัจฉริยะนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะช่วยในการสั่งการและแจ้งเตือนการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์อัจฉริยะได้ ในยุคที่ 5G เข้ามามีบทบาทยิ่งทำให้ทุกการเชื่อมต่อดีขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แต่รวมไปถึงความหน่วงต่ำ (Low Latency) ซึ่งเอื้อให้ทุกอย่างตอบสนองได้แบบเรียลไทม์ พร้อมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้านของคุณที่เชื่อมต่อกับเน็ตบ้าน และตัวคุณที่อยู่นอกบ้าน ซึ่งเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ผ่านสมาร์ทโฟนทำให้ทุกอย่างเป็น Seamless 

 

 

เพียงแค่มีเน็ตบ้านและอุปกรณ์ IoT Smart Home คุณก็สามารถเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะได้แล้ว ยิ่งตอนนี้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ สามารถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น True เข้าใจไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้ครบครัน จึงจัดแพ็กเกจเน็ตบ้านไฟเบอร์พร้อมอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น กล้อง CCTV และบริการเสริมต่าง ๆ เปลี่ยนบ้านคุณให้เป็นบ้านอัจฉริยะ ช่วยให้การเชื่อมต่อของคุณลื่นไหลได้กว่าที่เคย

 

 

 

 

ตอบโจทย์เทรนด์บ้านอัจฉริยะแห่งอนาคตด้วย Smart LivingTECH จาก True 

 

 

เทรนด์บ้านอัจฉริยะในอนาคตที่เน้นทั้งในเรื่องความปลอดภัย ความบันเทิง ความสะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม สามารถเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมด เพียงคุณมองหาตัวช่วยดี ๆ อย่างเทคโนโลยี Smart LivingTECH ของ True ที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้านครบครัน อีกทั้งยังมีเน็ตบ้านทรูออนไลน์ที่เสถียรและเร็วแรง ช่วยเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์ให้สามารถควบคุมได้อย่างราบรื่น เปลี่ยนให้บ้านดูแลคุณ และเปลี่ยนให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อ่านต่อ
ถ้าคุณได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
True Blog 29 มี.ค. 2565

โลกสองใบอาจจะกำลังเกิดขึ้นกับคุณก็ได้ นอกจากโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คุณอาจมีโลกอีกหนึ่งใบ นั่นก็คือ  Metaverse (จักรวาลนฤมิต) โลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โลกที่เปิดให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์และทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่ไซเบอร์ ผ่านตัวตนสมมติที่ถูกสร้างขึ้นซึ่งเรียกกันว่า อวตาร (Avatar) นั่นเอง
 

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของ Metaverse จะเห็นพัฒนาการตั้งแต่ยุคแรกสุด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1968 หรือ 54 ปีที่แล้ว โดยมีการคิดค้นและออกแบบอุปกรณ์ที่ชื่อว่า The Sword of Damocles ให้เป็นเครื่องสวมที่ใช้ครอบศีรษะพร้อมกับครอบตาในลักษณะคล้ายแว่นตาที่จำลองโลกเสมือนขึ้นมา และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ได้สัมผัสกับโลกเสมือน ถึงแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที แต่ก็ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัย 
 

ปัจจุบันได้มีการพูดถึงเป็นประเด็นฮอตที่ทุกคนทั่วโลกให้ความสนใจกับโลกเสมือนอีกครั้ง เมื่อมีความเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ที่ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น เมตา (Meta) เพื่อเป็นการปูทางเข้าสู่โลก Metaverse เพราะเล็งเห็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างรายได้ในโลกเสมือนจริง จึงเป็นเรื่องที่คนทั้งโลกต่างตั้งคำถามมากมายว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหากเราได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse (จักรวาลนฤมิต)
 


สิ่งที่จะเปลี่ยนไป เมื่อเกิด Metaverse ขึ้นในโลกของเรา จะตรงกับที่คุณคิดไว้หรือเปล่า
 

ในปัจจุบันเริ่มมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถสร้างโลกเสมือนมาใช้ และเราสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ในอดีตคุณทำได้ยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่คิดว่าคนรุ่นใหม่น่าจะได้ร่วมสัมผัสกันในไม่ช้า คือ การนำเทคโนโลยี AR มาเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับการศึกษา เช่น วงการแพทย์ ได้มีการจำลองภาพเสมือนสำหรับการผ่าตัดขึ้น เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เครื่องจริงในการผ่าตัดโดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้ระบุตำแหน่งการผ่าตัดได้แม่นยำถึง 85% และกำลังเป็นที่ยอมรับในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในวงการแพทย์มากขึ้น
 


ขยับมาสำหรับวัยทำงาน ชาวออฟฟิศทั้งหลายเริ่มคุ้นชินกับการประชุมออนไลน์กันแล้ว ในอนาคตหากมีการนำเทคโนโลยีสร้างโลก Metaverse ขึ้นมาได้จริง การประชุมของคุณจะมีความล้ำเหมือนในห้องแล็บที่หลุดจากภาพยนตร์เรื่อง Avengers แบบที่คุณสามารถคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต่างพื้นที่กันได้เหมือนกำลังยืนคุยกันซึ่งหน้า และยังสามารถเปิดไฟล์งานออกมาดูในรูปแบบของสามมิติ ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพและสนุกยิ่งขึ้น ตัดปัญหาการทำงานที่บ้านกับอาการเหงา คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่เจอเพื่อนร่วมงานไปได้เลย

 


ด้านวงการภาพยนตร์ เริ่มมีการนำเนื้อหาเกี่ยวกับ Metaverse มาสร้างสรรค์ให้คุณได้รับชมกันมากขึ้น หลายคนอาจจะเคยชม Ready Player One (2018) ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เล่นเกมและใช้ชีวิตมีตัวตนที่แตกต่างจากความเป็นจริงในโลกเสมือน หรือล่าสุดกับภาพยนตร์เรื่อง Spider man : No Way Home (2021) ที่พูดถึงการเชื่อมต่อโลกจากหลากหลายมิติเข้าไว้ด้วยกัน โดยเรียกว่า ‘จักรวาลมัลติเวิร์ส’ ซึ่งใกล้เคียงกับโลก Metaverse ในเรื่องการเชื่อมต่อของคนจากหลายพื้นที่เข้าหากัน ภาพยนตร์จึงเป็นอีกสื่อหนึ่งที่ทำให้คุณได้เข้าใจโลก Metaverse  ได้มากขึ้นก่อนที่เราจะได้สัมผัสกับของจริงในอนาคต เชื่อว่าขณะที่คุณกำลังดูภาพยนตร์อยู่คงสงสัยกันบ้างว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ บอกได้เลยว่าถ้า Metaverse ได้เกิดขึ้นเรื่องเหล่านั้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
 

วงการเพลงก็ไม่พลาดที่จะหยิบเรื่อง Metaverse มาสร้างสีสันให้กับงานของศิลปิน ล่าสุด Ariana Grande ได้จัดคอนเสิร์ตผ่านเกม Fortnite ในซีรีส์คอนเสิร์ต Rift Tour ซึ่งแฟนๆ จะสามารถเข้าชมคอนเสิร์ตได้ผ่านตัวละครเกมที่ถูกสร้างขึ้น ทำให้การจัดคอนเสิร์ตนั้นเหนือจินตนาการ ศิลปินจะเหาะเหินเดินบนอากาศ หรือเปลี่ยนเวทีให้ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ย่อมได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้ในโลกความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ศิลปินตัวจริงก็ตาม แต่ก็สามารถเติมเต็มความคิดถึงให้กับแฟนเพลงได้ไม่น้อยเลย เพราะทำให้คุณได้ใกล้ชิดศิลปินเข้าไปอีกขั้น นับเป็นมิติใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการเพลงและกำลังเป็นที่นิยมของศิลปินต่างชาติด้วย อย่างสาวๆ เคป๊อปวง ‘Aespa’ ที่มีการสร้างคาแรคเตอร์ของวงจากตัวละครในโลกเสมือน เพื่อสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจให้แฟนๆ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ส่วนในประเทศไทยของเราก็ไม่น้อยหน้าใคร ตอนนี้มีสตูดิโอเสมือนแล้วด้วย อย่างทรู 5G XR Studio ล้ำสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดได้ชวนศิลปินที่มียอดสตรีมสูงสุดบนยูทูปไทย ‘มนต์แคน แก่นคูน’ มาทำโชว์สุดพิเศษในรูปแบบมุมมองอัจฉริยะ 360° กับรายการ TRUE 5G MUSIC X MONKAN จัดเต็มให้แฟนๆ ได้ตื่นตาอย่างจุใจ
 


ยังมีอีกหลายวงการที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งด้านสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีมาสร้างงานให้เห็นเป็นภาพเสมือนจริงได้ก่อนลงมือ ทำให้การคำนวณแม่นยำยิ่งขึ้น ภาคอุตสาหกรรมที่วิศวกรใช้ AR ในการดูแลซ่อมบำรุงเครื่องจักร จากเดิมที่ดูเป็นงานหินสำหรับเครื่องจักรชิ้นใหญ่ ตอนนี้ทำได้สะดวกมากขึ้น หรือแม้กระทั่งโลกของแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำที่หันมาทำสกินหรือชุดของตัวละครในเกม ซึ่งนอกจากจะลดการทำลายสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ต้องตัดเย็บจริงแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้มหาศาล จะเห็นได้ว่าหลายๆ วงการต่างก็เริ่มก้าวเข้าสู่โลกของ Metaverse กันแล้ว
 


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้  แต่หลายคนอาจยังมีคำถามในใจว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ  หากมองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อนที่โลกของเราจะเจอวิกฤตโรคระบาด ณ ตอนนั้นยังไม่มีใครเคยคิดว่าจะสามารถทำงานแบบ Work From Home ได้รอด เพราะต้องติดต่อสื่อสารกันผ่านออนไลน์อย่างเดียว แต่ปัจจุบันการทำงานที่บ้านกลายเป็นสิ่งปกติใหม่ของหลายๆ องค์กร พร้อมไปกับการปรับวิถีชีวิตอีกหลายอย่าง  โลก Metaverse ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน การที่เราจะก้าวเข้าสู่โลกนั้นได้อย่างเต็มตัว  คงจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที  ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนวิถี รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง  คำถามต่อมาคือ แล้ว Metaverse จะสามารถเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับอะไรบ้างล่ะ
 

‘โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และระบบนิเวศดิจิทัล’ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันโลก Metaverse ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่โลก Metaverse ได้ตลอดเวลา ทั้งยังทำให้การรับส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันและมีเสถียรภาพ กล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตทำให้ทุกคนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ ข้อมูล และความบันเทิงต่างๆ มากมาย การเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา เป็นพลังสำคัญที่จะเปิดประตูให้เราได้ก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ไปพร้อมกัน 

 

ทรู 5G อีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนที่จะสนับสนุนให้ทุกคนก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ได้
 

ในยุคนี้ที่ Metaverse กำลังเกิดขึ้นเหมือนเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของโลกออนไลน์ ที่ตอนนี้สามารถนำหลากหลายเทคโนโลยีมารวมกันไว้ได้ ทำให้ทุกคนสามารถทำทุกอย่างบนโลกออนไลน์ได้ผ่านการใช้ 5G และอินเทอร์เน็ตที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์เราก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ได้นั่นเอง และทรูในฐานะผู้นำบริการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลครบวงจร จึงได้นำศักยภาพพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่ครอบคลุมที่สุดในไทย เร็วแรง และครบกว่า เพื่อทำให้การเชื่อมต่อนั้นนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรูมุ่งมั่นพัฒนาอยู่เสมอ นอกเหนือจากนั้น ทรูยังได้เปิดประสบการณ์ให้กับคนที่อยากลองสัมผัสกับโลกเสมือนจริง ซึ่งสามารถไปชมได้ที่ True 5G Worldtech X มิติใหม่แห่งนวัตกรรม 5G เนรมิตพื้นที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ให้ทุกคนได้สัมผัสนวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านการถ่ายทอดด้วยเทคโนโลยี  XR Glass ในโลกเสมือนจริงสุดล้ำ และเอ็นจอยกับโลก Metaverse ได้อย่างที่ต้องการ
 


 


ถ้าคุณกำลังนึกถึงอะไรก็ตามที่เหนือจินตนาการมากกว่าที่เราได้เล่ามาทั้งหมด ตอนนี้ก็เตรียมตัวให้พร้อมรับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อก้าวเข้าสู่โลก Metaverse ไปพร้อมๆ กันได้เลย

อ่านต่อ